แม้ร้านอาหารจะเริ่มทยอยกลับมาเปิดบริการเป็นปกติโดยยังมีมาตรการการรักษาระยะห่าง หรือ “Social Distancing” เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาร้านอาหารทั่วประเทศไทยจำต้องปิดหน้าร้านพร้อมปรับตัวอย่างกะทันหันเพื่อให้ธุรกิจยังเดินหน้าไปต่อได้โดยไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นการปรับเมนู ปรับบริการมาเป็นรูปแบบออนไลน์ การส่งต่ออาหารไปยังชุมชนที่ขาดแคลน การจัดงานเชฟส์เทเบิลแบบกินอาหารที่บ้านที่ให้ความรู้สึกเสมือนกำลังนั่งหน้าครัวแบบเชฟส์เทเบิลที่ร้านอาหารอย่างไรอย่างนั้น
แต่ที่ทำให้วงการอาหารยังดำเนินต่อได้อย่างครบวงจรจริง ๆ คือการไม่ลืมช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบดี ๆ ให้กับทางร้าน เพราะพวกเขาไม่สามารถระงับผักผลไม้ให้หยุดเติบโตออกผลได้ แต่ในขณะเดียวกันปริมาณความต้องการของตลาดก็ไม่ได้มากเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
ก่อนที่ร้านอาหารจะกลับมาเปิดบริการตามปกติอีกครั้ง เรามาดูกันว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเชฟและร้านอาหารได้ทำอะไรเพื่อคนในห่วงโซ่การผลิตอาหารและสังคมกันบ้าง
Aesop’s
ร้านอาหารกรีกโมเดิร์น Aesop’s (รางวัลมิชลินเพลท, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) นอกจากจะปรับตัวมาสู่บริการเดลิเวอรีจัดส่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Slow Cooked Lamb Shoulder, Gyros และ Rice Bowls ให้ได้อิ่มอร่อยในช่วงเก็บเนื้อเก็บตัวแล้ว ทางร้านยังไม่ลืมนึกถึงบุคลากรแนวหน้าในการสู้กับไวรัส COVID-19 อย่างคุณหมอและพยาบาลด้วยโปรเจกต์ “Eat It Forward Fridays” โดยทุกการสั่งซื้ออาหารในวันศุกร์ อาหารสุขภาพจะถูกส่งต่อไปให้บุคลากรทางการแพทย์อีกหนึ่งต่อ โดยทางร้านจะจัดส่งอาหารกรีกหนึ่งมื้อไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดี
สามารถมีส่วนร่วมได้ผ่านทาง www.aesopsbangkok.com
100 Mahaseth
ในยามวิกฤติเช่นนี้เชฟ Chalee Kader แห่งร้าน 100 Mahaseth (รางวัลมิชลิน บิบ กูร์มองด์, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) ร่วมกับเพื่อนเชฟและเหล่าร้านอาหารใจดีร่วมส่งกำลังใจให้ทุกคนด้วยโปรเจกต์ดี ๆ “100 Smile Meals” ซึ่งทางร้านชวนมาแบ่งปันอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่ต้องทำงานหนักเพื่อช่วยให้พวกเราปลอดภัย รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติครั้งนี้ในชุมชนต่าง ๆ โดยทางร้านเปิดให้คนทั่วไปร่วมสมทบทุนอาหารกล่อง กล่องละ 50 บาท (สั่งขั้นต่ำจำนวน 5 กล่อง) รวมมูลค่า 250 บาท และดำเนินการจัดส่งไปยังกลุ่มจิตอาสาที่ทำงานร่วมกับชุมชนต่าง ๆ และโรงพยาบาลเพื่อลงพื้นที่นำไปแจกจ่ายด้วยตนเอง ซึ่งในแต่ละวันทางร้านมีการจัดส่งอาหารร่วม 100 กล่อง โปรเจกต์นี้นอกจากเป็นการส่งกำลังใจแล้วยังถือว่าได้ช่วยอุดหนุนภาคการเกษตร ผู้ผลิตวัตถุดิบ และร้านค้าต่าง ๆ ให้เดินฝ่าวิกฤติไปได้พร้อมกันอีกด้วย
สนใจสมทบทุนโครงการ 100 Smile Meals ได้ผ่านทาง Line: @100mahaseth
Bo.lan
ไฟน์ไดนิงร้านแรก ๆ ที่มีการปรับตัวตั้งแต่ก่อนจะมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โดยเชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ แห่งร้าน Bo.lan (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) เริ่มปรับจากเมนูไฟน์ไดนิงแบบนั่งกินที่ร้านมาเป็นอาหารไทยส่งตรงถึงหน้าบ้านทั้งในส่วนของร้าน Bo.lan และร้าน Err (รางวัลบิบ กูร์มองด์, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) โดยถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร และแม้จะเป็นเมนูแบบจัดส่งทว่าก็ยังไม่ทิ้งคอนเซปต์เรื่องการจัดการขยะให้เป็นศูนย์โดยการใช้ปิ่นโต พร้อมมีบริการรับปิ่นโตกลับอีกด้วย โดยบริการของทางร้านมีทั้งโบ.ลาน ร้านชำ (Bo.lan Grocer) บรรจุวัตถุดิบจากเกษตรกรไทย, โบ.ลาน กล่องของสด (Bo.lan CSA Box), โบ.ลาน กล่องยังชีพ (Bo.lan Essential Box) ที่รวมข้าวยาปลาปิ้งสำหรับเติมตู้กับข้าวที่บ้าน และโบ.ลาน กลับบ้าน (Bo.lan in Residence) ให้ได้ฝากท้องโดยผูกปิ่นโตกับทางร้าน เสิร์ฟอาหารไทยปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่เน้นความยั่งยืนจากเกษตรกรไทย และล่าสุดคือ โบ.ลานปันส่วน อาหารไทยแช่แข็งที่ทุกอย่างทำจากวัตถุดิบอินทรีย์ พร้อมให้อุ่นร้อนกินที่บ้านได้ง่าย ๆ และที่น่ารักคือการที่เชฟโบไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กของร้าน ชวนคุณมาสนับสนุนเกษตรกรไทยอยู่ตลอดด้วย
สามารถติดตามได้ทาง www.facebook.com/BolanBangkok
80/20
“ทุกออร์เดอร์ไม่เพียงสนับสนุนเรา แต่ยังเป็นการสนับสนุนชาวประมงและเกษตรกรในท้องถิ่นด้วย” หลังจากที่ร้านอาหารต้องปิดหน้าร้านลง เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และเชฟ Saki Hochino แห่งร้าน 80/20 (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) ก็รีบปรับตัวเปลี่ยนจากมื้ออาหารไทยไฟน์ไดนิงสู่อาหารไทยแบบฉบับ 80/20 ส่งตรงถึงบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าหน้าตาอาหารอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือการที่ 80/20 ยังคงคิดถึงวัตถุดิบจากท้องถิ่นต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่ต่างกัน โดยทางร้านปรับเปลี่ยนเมนูใหม่เป็นเซตเมนูที่ให้เลือกได้ว่าจะช่วยเหลือชาวประมง หรือเซตเมนูสำหรับช่วยชาวนาโดยเฉพาะ พร้อมพัฒนาเมนูต่อมาให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งเมนูอาหารจานเดี่ยวสำหรับคนที่กักตัวอยู่คนเดียว เมนูสำหรับแชร์ เมนูก๋วยเตี๋ยวที่จัดเสิร์ฟเพียงวันละ 20 ชุด และที่ขาดไม่ได้คือเซตขนมหวานจากเชฟ Saki ที่ขึ้นป้ายเตือนไว้ก่อนว่าหมดเร็วมาก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือหรือสำรองได้ที่ www.facebook.com/8020bkk
Sorn
เชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ จากร้าน Sorn (รางวัล 2 ดาวมิชลิน, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) ร่วมกับเพื่อน ๆ วงการเชฟร่วมอุดหนุนผู้ผลิตวัตถุดิบโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยด้วยการเปิดตัวโปรเจกต์ “#MarketFullBox” หรือ “ตลาดทองหล่อ เพื่อเกษตรกร” ช่วยกระจายผลผลิตด้านการเกษตรไปยังร้านอาหารและผู้บริโภค โดยร้าน Sorn และร้านบ้านไอซ์ซึ่งเป็นร้านในเครือรับเป็นคนกลางนำของจากเกษตรกรมาช่วยจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ ผักสด ผลไม้ หรือกระทั่งแยมจากผลผลิตต่าง ๆ โดยทางร้านไม่ได้บวกกำไร หักเพียงค่าขนส่งและค่าต้นทุนผลผลิต ไม่เพียงเท่านั้นยังตั้งซุ้มแจกอาหารและน้ำให้บรรดาพนักงานจัดส่งที่กำลังทำงานหนักอยู่ในตอนนี้เช่นกัน
ท่านใดสนใจอุดหนุนเกษตรไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 09 2546 2099
Le Normandie
โรงแรมถือได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน แต่กระนั้นโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ก็ยังคงส่งต่อกิจกรรมดี ๆ อย่างต่อเนื่องกับพันธกิจส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่สภากาชาดไทย โดยทางโรงแรมได้รวมตัวเชฟจากทุกห้องอาหารหมุนเวียนมาจัดทำอาหารส่งมอบให้สภากาชาดไทยจำนวนอย่างน้อยวันละ 700 ชุด ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม แน่นอนว่า เชฟ Arnaud Dunand Sauthier หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร Le Normandie (รางวัล 2 ดาวมิชลิน, มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. 2563) ก็ร่วมในโปรเจกต์นี้เช่นกัน โครงการนี้ยังขอทำสัญญาใจเป็นเวลานานร่วม 2 เดือน และทำมากถึงวันละ 700 กล่อง เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังสู้ศึกอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น โดยจะส่งมอบอาหารแสนอร่อยทั้งอาหารกลางวันและอาหารเย็นอีกด้วย
หมายเหตุ: กิจกรรมข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมช่วยเหลือสังคมจำนวนมากที่เกิดขึ้นจากการร่วมใจของเหล่าคนในวงการอาหารเพื่อผ่านพ้นวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 นี้
