ไม่ว่าคุณจะมองหาร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อกลางวันเนื่องในโอกาสพิเศษ หรือเพื่อเจรจาธุรกิจครั้งสำคัญ เลี้ยงแผนก งานเฉลิมฉลองเล็ก ๆ หรือเป็นมื้อด่วนที่แสนเรียบง่ายแต่ก็มีสไตล์ก่อนกลับออฟฟิศไปทำงานต่อ นี่คือ 10 ร้านอาหารราคาไม่เกิน 3,000 บาทต่อหัวในกรุงเทพฯ จากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ที่มีตั้งแต่ร้านรางวัลดาวมิชลินไปจนถึงร้านแสนอร่อยที่เหมาะแก่การไปกินมื้อกลางวันเพื่อสร้างความประทับใจนับตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงคู่เดตได้แบบดูไม่พยายามจนเกินไป
Yu Ting Yuan (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
Yu Ting Yuan มอบประสบการณ์อาหารจีนชั้นสูงในบรรยากาศหรูหรา ภายในตกแต่งแบบจีนคลาสสิกกึ่งร่วมสมัย มองออกไปเห็นเงาสะท้อนในสระน้ำ ซึ่งยิ่งงดงามเป็นพิเศษช่วงกลางคืน ทีมเชฟทำงานร่วมกันมาหลายปีจึงเข้าขาและเชี่ยวชาญศิลปะการปรุงอาหารจีนเป็นอย่างดี เมนูที่ไม่ควรพลาดคือเป็ดปักกิ่งหนังกรอบ ส่วนติ่มซำ ของย่าง และเมนูอาหารทะเลสดนั้นล้วนแต่อร่อยจนต้องบอกต่อด้วยความประทับใจ หากแวะรับประทานมื้อกลางวัน ทางร้านมี Dim Sum Set Lunch ราคา 1,600 บาท++ โดยจะได้รับประทานติ่มซำที่เชฟเลือกเป็นพิเศษพร้อมด้วยอาหารหลายรายการ รวมถึงซิกเนเจอร์บาร์บีคิว และตบท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่ออย่างสาคูมะม่วง
พิกัด: ชั้น G โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 300/1 ถ.เจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ โทร. +66 2032 0888
Blue by Alain Ducasse (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
Blue by Alain Ducasse เปิดประตูต้อนรับผู้ชื่นชอบการรับประทานอาหารที่ ICONSIAM ตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา ตัวร้านตกแต่งในโทนสีน้ำเงิน หรูหราด้วยสีงาช้างและสีทองที่เข้ากันอย่างงดงามรับกับทิวทัศน์ตระการตาของแม่น้ำเจ้าพระยา อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยแต่ละเมนูรังสรรค์อย่างประณีตจากวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของเชฟระดับโลก ให้มื้อกลางวันของคุณพิเศษไปจากเดิมด้วยเซตอาหารกลางวันที่เสิร์ฟตั้งแต่ 12.00-15.00 น. ในราคาเริ่มต้น 1,950 บาท++ สำหรับเซต 3 คอร์ส หรือ 2,550 บาท++ สำหรับเซต 4 คอร์ส เมนคอร์สที่แนะนำ คือ ปลาค็อด Madara เสิร์ฟพร้อมดอกกะหล่ำและเฮเซลนัต หรือไก่ต๊อกกับหัวผักกาดและผักซอร์เรล
พิกัด: ยูนิต L101 ชั้น 1 ICONSIAM 299 ซ.เจริญนคร 5 ถ.เจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โทร. +66 2005 9412 หรืออีเมล enquiries@blue-alainducasse.com
Yamazato (ร้านที่ได้รับการคัดเลือก, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
ร้านอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ซูชิบาร์ เทปปันยากิ และภัตตาคารหรู พนักงานในชุดกิโมโนพร้อมบริการอาหารหลากหลาย รวมไปถึงสุดยอดเมนูแบบโอมากาเสะ หรือเชฟเมนูที่ต้องจองล่วงหน้า 2 วัน ที่นี่นำเข้าปลาจากตลาดปลาโทโยซุโดยตรง แม้แต่ชุดถ้วยชามก็ล้วนมาจากญี่ปุ่น มื้อกลางวันมีทั้งเมนูเซตและอะลาคาร์ตที่เปลี่ยนไปตามวัตถุดิบประจำฤดูกาล โดยให้บริการในลักษณะ Kaiseki ราคา 1,700-1,800 บาท++ หรือแบบ Gozen ราคา 700-1,200 บาท++ ไม่ว่าจะเป็นปลาดิบชั้นเยี่ยม ซูชิ เทปปันยากิ เบนโตะ หรือเนื้อประเภทต่าง ๆ ได้รับการคัดสรรอย่างประณีตและใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อให้แต่ละคำที่รับประทานเหมือนได้รับประทานที่ญี่ปุ่น
พิกัด: ชั้น 24 โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ 57 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. +66 2687 9000
Lenzi Tuscan Kitchen (ร้านที่ได้รับการคัดเลือก, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
ร้านยอดนิยมที่ครบครันทั้งอาหารและบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองสไตล์อิตาเลียน เชฟฟรันเชสโค เลนซี (Francesco Lenzi) คัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมรวมถึงเนื้อและชีสจากบ้านเกิดในเมืองปิซา ปรุงด้วยเทคนิคดั้งเดิม ได้เป็นเมนูสุดคลาสสิกของแคว้นทัสกานี ในช่วงกลางวันมีเซตอาหารกลางวัน 3 คอร์ส 980 บาท++ และ 4 คอร์ส 1,180 บาท++ แนะนำ Iberian Pluma Pork ที่ผ่านการซูวีดกว่า 48 ชั่วโมงจนให้สัมผัสนุ่มลิ้น หรือจะเป็น Tagliata Argentinian Black Angus Beef Tenderloin ที่มาพร้อมสลัดผักร็อกเกตออร์แกนิก มะเขือเทศเชอร์รี เอจบัลซามิก และพาร์เมซานชีส ทุกอย่างลงตัวไปหมดทั้งหน้าตา อุณหภูมิ และรสชาติ
พิกัด: 69/2 ซ.ร่วมฤดี 2 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. +66 2001 0116
Indigo (ร้านที่ได้รับการคัดเลือก, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
หนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่มักเต็มไปด้วยชาวฝรั่งเศสแทบทุกโต๊ะเสมอ เพราะการปรุงอาหารที่ถูกหลักและอร่อยแบบต้นตำรับแท้ ๆ อินดิโก้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสร้านโปรดของชาวต่างชาติในไทยรวมทั้งผู้ที่ชื่นชอบอาหารฝรั่งเศสมานานหลายปี และคุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถหาอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกรับประทานได้ที่นี่แทบทุกจาน ด้วยทำเลในซอยคอนแวนต์ ย่านสีลม ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน จึงทำให้การเดินทางมาร้านเป็นเรื่องสะดวกสบาย เมนูแนะนำสำหรับเซตอาหารกลางวัน คือ Crab Mousse มูสปูในซอสไวน์ขาวที่เสิร์ฟมาทั้งตัว สัมผัสเนียนนุ่มรสกลมกล่อม
พิกัด: 6 ถ.คอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ โทร. +66 2235 3268
La Scala (ร้านที่ได้รับการคัดเลือก, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
ลา สกาล่า เปิดประตูต้อนรับผู้ชื่นชอบอาหารอิตาเลียนและนักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอีกครั้งพร้อมเชฟเอวเจนีโย คันโนนี (Eugenio Cannoni) จากแคว้น Piedmont ผู้ปรับโฉมเมนูอิตาเลียนเดิมให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ยิ่งขึ้น โดยเน้นวัตถุดิบพรีเมียมให้มีความทันสมัยขึ้น พร้อมการจัดแต่งที่ประณีตสวยงาม วัตถุดิบกว่า 80% นำเข้าจากแหล่งที่ดีที่สุดในอิตาลี ส่วนขนมปังและพาสตาทางร้านทำเองเพื่อควบคุมคุณภาพความสดใหม่และรสชาติ ในช่วงมื้อกลางวันให้บริการเซตอาหารกลางวัน ราคา 980 บาท++ ต่อ 2 คอร์ส หรือ 1,180 บาท++ ต่อ 3 คอร์ส โดยเมนคอร์สมีให้เลือกทั้งซีฟู้ดรีซอตโต ราวิโอลีไส้เนื้อหางหัว หรือไก่ออร์แกนิกย่างกับมะเขือม่วงบาร์บีคิว
พิกัด: โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ถ.สาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ โทร. +66 2344 8888
La Dotta (ทองหล่อ) (ร้านที่ได้รับการคัดเลือก, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
บาร์พาสตาสุดฮิปแห่งนี้เสิร์ฟเมนูพาสตาแสนอร่อยทั้งแบบโฮมเมดรีดเส้นสดใหม่และพาสตาออร์แกนิกแห้งจากอิตาลี ลูกค้าสามารถเลือกนั่งชั้นล่างหน้าบาร์เพื่อชมเชฟปรุงสดจากครัวเปิด หรือเลือกนั่งที่ชั้นบนหากต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เมนูแนะนำของร้าน คือ Tortellini พาสตาสดที่เชฟทำเอง และยังมีเมนูตามฤดูกาลให้เลือกรับประทานในทุกเดือน หากยังไม่จุใจสามารถซื้อพาสตาและซอสกลับไปอร่อยต่อที่บ้านได้ และช่วงกลางวันมีเซตพาสตากลางวันราคาประหยัดแบบ 2 คอร์ส 350 บาท++ หรือ 3 คอร์ส 440 บาท++ ซึ่งจานพาสตาจะหมุนเวียนเมนูไปเรื่อย ๆ เช่นกันทั้งเส้นสดและเส้นแห้ง
พิกัด: 161/6 ซ.ทองหล่อ 9 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร. +66 2236 5558 หรือ +66 6 1773 6526
Le Normandie (รางวัล 2 ดาวมิชลิน, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 Le Normandie ในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้สร้างชื่อและกลายเป็นจุดหมายของผู้ที่ชื่นชอบอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งความสง่างาม ทั้งกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา หรือการจัดแจกันดอกไม้อย่างประณีต ทุกเมนูถูกปรุงอย่างลงตัวด้วยวัตถุดิบชั้นยอดและเทคนิคชั้นสูง รวมไปถึงการบริการเป็นเลิศสมคำร่ำลือ และเมื่อปลายปี 2564 Le Normandie ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Le Normandie by Alain Roux พร้อมนำเสนอสุดยอดแห่งประสบการณ์รับประทานอาหารฝรั่งเศสไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น สำหรับมื้อกลางวันอันแสนพิเศษแนะนำ Le Menu Decouverte 3 คอร์ส ในราคา 2,500 บาท++ โดยมีตัวเลือกจานหลักระหว่าง Red Mullet หรือ Veal Medallions
พิกัด: ชั้น 5 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ โทร. +66 2659 9000
J’AIME by Jean-Michel Lorain (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
อีกหนึ่งร้านอาหารฝรั่งเศสรางวัลดาวมิชลินที่ซ่อนตัวอยู่ใจกลางย่านที่พักอาศัยในสาทร ที่ J’AIME คุณอาจรู้สึกเหมือนโลกกำลังกลับหัวด้วยแกรนด์เปียโนที่อยู่บนเพดานและแชนเดอเลียร์ที่ห้อยกลับด้าน แต่เมื่อได้ลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสสุดสร้างสรรค์ก็ทำให้ทุกอย่างพลันคืนสู่สภาพเดิม แนะนำ Picnic Lunch Menu เซตอาหารกลางวันราคาประหยัด 1,150 บาท++ ที่มาพร้อม Duck Orange Pudding หรือ Seafood Blanquette สำหรับผู้ชื่นชอบอาหารทะเล J'AIME ก่อตั้งและออกแบบเมนูอาหารโดยเชฟชื่อดัง ฌ็อง-มิแชล โลแร็ง (Jean-Michel Lorain) โดยมีลูกสาวดูแลภาพรวม และศิษย์เอกคนสนิท เชฟอาเมรีโก เซสตี (Amerigo Sesti) คอยบริหารงานครัว
พิกัด: โรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ 105/1 ซ.งามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ โทร. +66 2119 4899
Sra Bua by Kiin Kiin (รางวัล 1 ดาวมิชลิน, คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565)
สระบัว บาย กิน กิน เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัยทั้งอาหารและการตกแต่งร้านที่งดงาม เลือกได้ทั้งเมนูอะลาคาร์ตและแบบเซต แนะนำ Winter Journey 4 คอร์ส ราคา 1,850 บาท++ ซึ่งเหมาะรับประทานเป็นมื้อกลางวัน ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยที่นำสตรีตฟู้ดแบบไทย ๆ มาตีความใหม่ ไปจนถึงอาหารจานหลักและของหวานที่ยอดเยี่ยมทุกจาน เพราะอุดมความคิดสร้างสรรค์แต่ยังคงรักษารสชาติแบบดั้งเดิม อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจิบแกล้ม มีบริการ Juice Paring รสดีที่ขอแนะนำให้ลอง
พิกัด: ชั้น G โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ 991/9 ถ.พระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. +66 2162 9000
