ว่ากันว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว แต่จะเป็นอย่างไรถ้าคุณต้องเปิดร้านอาหารร่วมกับคู่ชีวิตของคุณ? วันวาเลนไทน์ปีนี้เราจะได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักกับคู่รักที่อยู่เบื้องหลังร้านอาหารรางวัล 'มิชลิน ไกด์' ยอดนิยมของเอเชีย ได้รับรู้เรื่องราวการพบกันของพวกเขา สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกัน และที่สำคัญที่สุดคือสูตรลับที่ช่วยรักษาความรักให้ยืนนาน
![เก็บภาพประทับใจระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันใน Cheek Bistro (ภาพ: Simon Pynt)](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2017/07/27/9c6638837b8d46a88e958a06adb0b48d_Rishi+and+Manuela.png)
สิงคโปร์
Cheek Bistro
รางวัลหนึ่งดาวมิชลินจากคู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ฉบับประเทศสิงคโปร์ ประจำปี 2562
Rishi Naleendra และ Manuela Toniolo รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารที่เมลเบิร์นตั้งแต่ปี 2548 และแต่งงานกันมา 10 ปีแล้ว พวกเขาร่วมกันเปิดร้านอาหารออสเตรเลียสมัยใหม่ในสิงคโปร์ชื่อ Cheek By Jowl เนื่องจากความใฝ่ฝันที่อยากทำงานเคียงข้างกันในร้านอาหารของทั้งคู่ ในขณะที่ Naleendra ปรุงอาหารอยู่ในห้องครัวราวกับมีเวทมนตร์ Toniolo ก็ช่วยบริหารจัดการทั้งรับรองแขกและดูแลธุรกิจให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น Cheek By Jowl ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Cheek Bistro ได้รับรางวัลจากคู่มือมิชลินไกด์มาตั้งแต่ปี 2560 และตอนนี้ทั้งคู่ได้ครอบครองอาณาจักรเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชั้นเลิศอย่าง Cloudstreet และ Kotuwa ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทของศรีลังกา “หลายคนคิดว่าการทำงานร่วมกับภรรยาเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ผมกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย แต่เธออาจจะคิดว่ามันยากก็ได้” เขากล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ถ้าไม่มีเธอผมคงไม่มีอะไรเลย เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของผมครับ”
![Daniel Negreira และ Terri Chu จากร้านอาหารรางวัลมิชลินเพลต Hidden by DN](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2021/02/09/36af7c49b9de4460a4f0f8d0bd1e07a2_Daniel+Negreira+%26+Terri+Chu-Hidden+by+DN-valentine%27s-day-michelin-guide-power-coup.jpeg)
ไต้หวัน
Hidden by DN
รางวัลมิชลิน เพลทจากคู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ฉบับไทเปและไถจง ประจำปี 2563
ร้านอาหารรางวัลมิชลิน เพลท Hidden by DN ในไทเปทำให้นักชิมต้องประหลาดใจด้วยรสชาติอาหารแบบร่วมสมัยของสเปน โดยใช้เทคนิคสมัยใหม่และวัตถุดิบที่ดีที่สุดของไต้หวัน ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจเช่นนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากเคมีระหว่างเชฟ Daniel Negreira และผู้จัดการร้าน Terri Chu
Negreira และ Chu พบกันครั้งแรกในปี 2552 โดย Chu เข้ามาทำงานที่ El Toro ร้านอาหารแห่งแรกของ Negreira ในไต้หวัน “ตอนนี้เรามีแต่รอยยิ้ม แต่ตอนนั้นเราจำได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไหร่ เพราะผมบอกให้เธอมาทำงานวันแรกในวันเกิดตัวเอง เธอเกือบจะไม่มาทำงานแล้ว แต่ผมเดาว่าคงเป็นเพราะโชคชะตาและบุคลิกที่อ่อนโยนของเธอที่ทำให้เราได้รักกัน" Negreira เล่า พวกเขาอยู่ด้วยกันมาเกือบ 9 ปีแล้ว
หลังจากทำงานร่วมกันมาประมาณ 11 ปี Negreira กล่าวว่า “สิ่งที่ดีที่สุดของการทำงานร่วมกันคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็มีคนคอยอยู่เคียงข้างที่เข้าใจคุณทุกอย่าง ไม่เพียงแต่เป้าหมายและความทะเยอทะยานในอาชีพของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารมณ์ของคุณอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้นมาก” เขากล่าวเสริมอย่างตรงไปตรงมาว่าตนเคยคิดว่าสามีภรรยาไม่ควรทำงานร่วมกันเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วแล้วว่าหากความสัมพันธ์อยู่บนพื้นฐานของความเคารพและความรัก มันจะกลายเป็นข้อดีมากกว่า “เราคงไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ถ้าไม่มีกันและกัน”
“เมื่อคุณมีคนรู้ใจอยู่เคียงข้างตลอดเวลา คุณจะรู้สึกมั่นใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และด้วยการทำงานเป็นทีมที่มีเป้าหมายชัดเจน คุณจะประสบความสำเร็จเพราะคุณทั้งสองต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน”
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทาย Negreira ยอมรับ แต่ทั้งเขาและ Chu ต่างไม่ได้เครียดกับการทำงานร้านอาหารมากนัก แต่ทั้งคู่สนใจเรื่องการหาความสมดุลระหว่างการทำธุรกิจและความต้องการของครอบครัวมากกว่า แน่นอนว่าพวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันในหลาย ๆ เรื่อง “ในตอนแรกผมเคยเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก แต่ผมได้เรียนรู้ที่จะทิ้ง 'อัตตาของเชฟ' และฟังคำแนะนำของ Terri ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการในตอนแรก แต่สุดท้ายมันก็ดีสำหรับทั้งเราและร้านของเรา"
“เธอทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น และเป็นเชฟที่เก่งขึ้นอีกด้วย” เขากล่าว
![roganic-ash-salmon-Teigen-Jai Morrison-valentine's-day-michelin-guide-power-couple.jpeg](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2021/02/10/db4ef6a790404ff1b93ecb7fce31cc0e_roganic-ash-salmon-Teigen-Jai+Morrison-valentine%27s-day-michelin-guide-power-couple.jpeg)
ฮ่องกง
Roganic
รางวัลหนึ่งดาวมิชลินและดาวรักษ์โลกจากคู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ฉบับฮ่องกง มาเก๊า ประจำปี 2564
เมื่อ Teigen Jai Morrison หรือ TJ มาสมัครงานที่ Roganic หัวหน้าเชฟอย่าง Ashley Salmon ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอไม่น้อย “เมื่อรู้ว่าเธอเคยทำงานที่ Marcus Wareing เหมือนผม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และเธอจะต้องได้รับการฝึกอบรมที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินส่งผลดีต่อมุมมองของเราทั้งในเรื่องอาหารและแวดวงอาหาร” Salmon เล่าถึงเรื่องราวในอดีตของทั้งคู่ TJ ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าเชฟอาวุโสเห็นด้วยและเสริมว่า “เราทุ่มเทและชื่นชอบในงานฝีมือและวงการอาหารเหมือนกันมาตั้งแต่ต้นค่ะ”
แม้ว่าทั้งคู่จะทำงานที่ร้านเดียวกัน แต่หน้าที่และความรับผิดชอบนั้นแยกจากกันค่อนข้างชัดเจน Salmon จัดการภายในครัว เขาคอยตรวจสอบความเรียบร้อยและคิดค้นอาหารจานใหม่ ในขณะที่บทบาทของ TJ เปลี่ยนไปทุกวัน ขึ้นอยู่กับว่าเธอต้องดูแลส่วนไหนของครัว นอกเหนือจากความท้าทายที่เห็นได้ชัดในการทำงานในห้องครัวเนื่องจากมาตรฐานที่สูงและชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ทั้งคู่ยังมองเห็นข้อดีของการทำงานในที่ทำงานเดียวกัน “เรารักษาความเป็นมืออาชีพ และแยกแยะความสัมพันธ์กับเรื่องงานออกจากกัน” TJ กล่าว “ ฉันคิดว่าเราได้รับประโยชน์จากการแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน เพราะมันผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าและพูดคุยถึงแนวคิดใหม่ ๆ ทั้งในและนอกที่ทำงาน” Salmon กล่าวเสริมว่าเมื่อร้านอาหารของพวกเขาได้รับรางวัล มันเป็น “เรื่องน่ามหัศจรรย์ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์นั้นด้วยกัน”
Salmon กล่าวชม TJ ในเรื่อง “มีประสาทรับรสที่ดีและเข้าใจสมดุลของรสชาติ” Salmon กล่าวว่าเขาภูมิใจกับเอิร์ลเกรย์และชีสหวานที่พวกเขาร่วมกันรังสรรค์เป็นอย่างยิ่ง เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชาที่มีท็อปปิ้งเป็นโฟมชีสที่พวกเขาพบในฮ่องกง
![Matteo Morello และ Jojo Hui แห่งร้านอาหารรางวัลมิชลินเพลต Castellana](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2021/02/09/bc3188785dd4499dbc586c4ddfe6fcbb_Castellana-hong-kong-michelin-plate-power-couple-valentine%27s-day-Matteo+Morello-Jojo.jpg)
Castellana
รางวัลมิชลิน เพลทจากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับฮ่องกง มาเก๊า ประจำปี 2564
เนื่องจากสนใจในอาหารและไวน์รสเลิศเหมือนกัน Matteo Morello และ Jojo Hui จึงตัดสินใจเปิดร้าน Castellana ในฮ่องกงด้วยกัน ในฐานะเจ้าของร่วม Morello ดูแลกิจกรรมรายวัน ตั้งแต่การพัฒนาเมนูร่วมกับหัวหน้าเชฟ Fabio Palombini ของ Castellana ไปจนถึงการบริการลูกค้าและดูแลรายการไวน์ร่วมกับหัวหน้า F&B ของร้านอย่าง Roberto Ame ในขณะที่ Hui ดูแลด้านการเงินและบริหารจัดการร้าน ทั้งคู่เพิ่งเปิดโรงแรม Hotel San Giovanni ใน Saluzzo ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Castellana San Giovanni Saluzzo เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่อยู่ด้านล่างของเทือกเขาแอลป์ ใกล้กับ Alba เมืองแห่งการทำอาหารที่มีชื่อเสียง และโด่งดังในเรื่องเห็ดทรัฟเฟิลขาวและ Barbaresco ซึ่งเป็นไวน์ที่เป็นสัญลักษณ์ในการรับประทานอาหารร่วมกันครั้งแรก
เมื่อพูดถึงการทำร้านอาหารร่วมกัน ปี 2563 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นปีที่ท้าทายที่สุดปีหนึ่ง “เราพยายามไม่ให้ความคิดเห็นที่ต่างกันในเรื่องงานกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเรา” Morello ยอมรับ “แต่ไม่มีอะไรจะคุ้มค่าไปกว่าการได้เห็นลูกค้าแสดงสีหน้าพึงพอใจในร้านอาหารที่เราร่วมกันสร้างขึ้นมาอีกแล้ว” เมื่ออยู่ที่บ้าน อาหารเป็นการแสดงออกถึงภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของทั้งสองคนที่มาบรรจบกันบนโต๊ะอาหาร “เราเพลิดเพลินกับอาหารอิตาเลียนหรืออาหารจีนที่หลากหลายเป็นประจำทุกสัปดาห์ บางครั้งเราก็เคยทานอาหารสองสัญชาติในมื้อเดียวค่ะ” Hui กล่าว
![mia-thailand-michelin-guide-top-michelle-bangkok-min.jpg](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2021/02/10/268a9f2abded4f8ba88eb5b1e8e2fd1d_mia-thailand-michelin-guide-top-michelle-bangkok-min.jpg)
ประเทศไทย
Mia
รางวัลมิชลิน เพลทจากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2564
แม้ทั้งคู่จะเป็นเชฟคนสำคัญของร้าน Mia ในกรุงเทพฯ แต่พงศ์ชาญ "ท็อป" รัสเซล เชฟชาวอังกฤษ - ไทยและ Michelle Goh เชฟขนมหวานที่เกิดในมาเลเซียกลับตกหลุมรักกันในครัวที่ Pollen ในสิงคโปร์ ทั้งคู่เพิ่งฉลองครบรอบ 5 ปีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แม้จะแข่งขันกันในฐานะเชฟได้อย่างเท่าเทียม แต่พวกเขาก็สร้างสมดุลในการทำงานเคียงคู่กันที่ Mia Goh ทำให้ท็อปติดดินเมื่อเขา "ทะยานไปสู่จุดสูงสุด" ในทางตรงกันข้าม ท็อปผู้อ่อนโยนก็ให้กำลังใจเธอทุกครั้งที่รู้สึกเครียด ในฐานะเชฟ แม้ต่างฝ่ายต่างมีความทะเยอทะยานและมีแรงผลักดันในตัวเอง แต่ทั้งคู่ก็พบว่าความเข้าใจ การยอมรับ และการประนีประนอมล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีในชีวิตคู่
ทีมงานของ Mia ได้รับแรงผลักดันจากความคิดสร้างสรรค์และมุมมองเชิงบวกของ Top ในขณะที่ Goh ยังคงรักษามาตรฐานร้านอาหารของตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อไม่นานมานี้ Goh ยังเป็นคนกระตุ้นให้ Top รักษารูปร่างและดูแลตัวเองร่วมกับเธออีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม: วาเลนไทน์นี้ไปไหน? รวมร้านโรแมนติกระดับดาวมิชลินเพื่อวันแห่งความรักประจำปี 2564
![Yun Dae-hyun และ Kim Hee-eun แห่งร้านอาหารรางวัลมิชลิน เพลท Soul](https://d3h1lg3ksw6i6b.cloudfront.net/media/image/2021/02/10/0a6b24d676714884b14c13f8564ab4b3_soul-seoul-michelin-plate-michelin-guide-korea-power-couple-valentine%27s-day.jpg)
โซล
Soul
รางวัลมิชลิน เพลทจากคู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ฉบับกรุงโซล ประจำปี 2564
Yun Dae-hyun และ Kim Hee-eun เป็นเชฟและเจ้าของร่วมของร้านอาหารรางวัลมิชลินเพลตอย่าง Soul ในกรุงโซล ที่นักชิมสามารถลิ้มลองอาหารรสเลิศอย่างมีสไตล์ได้ ทั้งคู่ร่วมกันนำเสนอวัฒนธรรมการทำอาหารและวัตถุดิบที่หลากหลายซึ่งพบได้ในเกาหลียุคปัจจุบัน ผสมผสานกับรสชาติที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เพื่อรังสรรค์อาหารฟิวชั่นที่ไม่เหมือนใคร
พวกเขาฝันที่จะทำงานร่วมกันนับตั้งแต่เริ่มออกเดต ซึ่งฝันนั้นได้กลายเป็นจริงหลังจากทั้งคู่แต่งงานได้ไม่นาน “ชีวิตของเชฟเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยว ในขณะที่คนอื่นกำลังเฉลิมฉลองกัน แต่คุณต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา และแม้ว่าคุณจะทำอาหารให้คนอื่น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตัวเองจะได้กินอาหารดีๆ การแต่งงานเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย จนกระทั่งผมได้มาพบกับ Hee-eun” Yun กล่าว
ในขณะเดียวกัน Kim เคยศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบเซรามิก แต่ไม่ช้าเธอก็พบว่าความทะเยอทะยานของเธอไม่ได้เกิดจากภาชนะที่บรรรจุ แต่เกิดจากวัตถุดิบที่อยู่ในนั้น เธอจึงผันตัวมาเริ่มต้นอาชีพที่ร้านอาหารของโรงแรมและพัฒนาตัวเองในฐานะนักวิจัยและเชฟด้านการทำอาหาร ต่อมาเธอได้พบกับ Yun ทั้งคู่จึงเริ่มฝันถึงอนาคตร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าใจและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้
ที่ Soul คู่แต่งงานที่แสนสุขแสดงความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาโดยการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารตะวันตกของ Yun เข้ากับศิลปะในแบบเกาหลีของ Kim “ร้านอาหารของเราเป็นสถานที่ที่ผู้คนไม่เพียงแต่เพลิดเพลินกับอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรยากาศการต้อนรับและอื่น ๆ อีกด้วย ฉันไปตลาดดอกไม้เพื่อตกแต่งร้านอาหารของเราทุกสัปดาห์ นอกจากนี้เรายังออกแบบจานของตัวเองเพื่อให้เข้ากับอาหารที่เราเสิร์ฟอีกด้วย มันเป็นบ้านของเรา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแขกทุกคนจะพบกับความสุขเมื่อมาเยือนร้านของเรา” คิมกล่าว
อ่านต่อ: 6 อาหารจากครัวนานาชาติที่ช่วยปลุกพลังรักให้ลุกโชนมีอะไรบ้าง?
บทความนี้เขียนโดย Pearl Yan ในฮ่องกง, พฤภัทร ทรงเที่ยง จากกรุงเทพฯ, Rachel Tan จากสิงคโปร์, Ming Ling จากไทเป และ Julia Lee จากโซล