นานแสนนานมาแล้ว เทพธิดากรีกผู้เป็นตัวแทนของความรัก ความงาม และความปรารถนา นามว่า ‘Aphrodite (แอโฟรไดที)’ ได้ส่งต่อมรดกแห่งสิเน่หาและความหลงใหลให้กับมวลมนุษย์ จนถ่ายทอดมาสู่จานอาหาร เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘aphrodisiac food’ หรืออาหารปลุกราคะที่ดังที่รู้กัน อาทิ หอยนางรม ลูกเบอร์รี่ หรือดาร์คช็อคโกแลต โดยเชื่อว่ามีส่วนช่วยจุดแรงปรารถนาในห้องนอนให้เต็มเปี่ยม
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าที่ส่งต่อกันมา หรือมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน และจะต่างกันไปในแต่ละชาติอย่างไร นี่คืออาหารที่เหล่าเชฟนานาชาติแถวหน้าแห่งเอเชียแนะนำว่าที่เปรียบดุจยารัก พร้อมนำเสนอวิธีการกินให้อร่อยยกระดับสำหรับค่ำคืนพิเศษช่วงวันวาเลนไทน์

‘ไก่สุเนรี’ ร้าน The Song Of India, สิงคโปร์ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ สิงคโปร์ ปี 2019)
“ครัวอินเดียขึ้นชื่อเรื่องอาหารมังสวิรัติและยังมีวัตถุดิบจากพืชมากมายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่ส่งผลต่ออารมณ์ทางเพศ เช่น กระเทียม หญ้าฝรั่น อบเชย นม อัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ ยี่หร่า เมล็ดฟักทอง ผลมะเดื่อ โป๊ยกั้ก เม็ดทับทิม (สดและแห้ง) ขิง พริก หรือน้ำผึ้ง” เชฟแมนจูนัธ มูรัล ผู้อำนวยการด้านอาหาร ร้าน The Song Of India (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ สิงคโปร์ ปี 2019) กล่าว
อาหารปลุกราคะแท้จริงแล้วฝังรากอยู่ในวัฒนธรรมอินเดียมาแสนนาน “ในคืนวันแต่งงานที่เรียกว่า ‘Suhag Raat’ มีธรรมเนียมที่ให้เจ้าสาวนำนมอุ่นผสมเครื่องเทศอย่างอัลมอนด์หญ้าฝรั่น มอบให้กับเจ้าบ่าว โดยเชื่อว่าเพิ่มสมรรถภาพให้แข็งแกร่งในห้องนอนตลอดค่ำคืนและเป็นเรื่องที่ภาพยนตร์บอลลีวูดหยิบมานำเสมอบ่อยครั้ง” เชฟแมนจูนัธเล่าต่อ
เชฟประจำห้องอาหาร 1 ดาวมิชลินยังบอกอีกว่านอกจากนมผสมเครื่องเทศแล้ว ยังมีความเชื่อเก่าแก่สมัยอดีตกาล ที่พระราชาทรงโปรดปรานอาหารจานแกงเอามาก เพราะเชื่อว่าช่วยทำให้มีพละกำลัง และปรุงรสรักให้มีสีสันในห้องบรรทม “แกงกะหรี่ที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศมีคุณสมบัติช่วยเร้าอารมณ์ทางเพศ โดยมีส่วนผสมตั้งแต่อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กระเทียม และการัม มะสะล่า ที่ใส่ผลจันทน์เทศ อบเชย โป๊ยกั้ก
หากคุณมองหาอาหารที่เสริมให้ค่ำคืนพิเศษร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก เชฟแห่ง The Song Of India แนะให้จิบนมอุ่นๆ ใส่เครื่องเทศ และแน่นอนว่าต้องมีแกงกะหรี่สูตรเด็ดเผ็ดร้อนเช่นกัน หรือจะลองชิมเมนูโปรดของเชฟอย่าง Chicken Suneri ไก่ราดซอสกะหรี่ที่ใส่อัลมอนด์ และใบยี่หร่าที่ร้านที่สิงคโปร์ก็ได้

‘ขิง’ และ ‘หอยเชลล์’ ร้าน Rossini’s, กรุงเทพฯ (รางวัลมิชลิน เพลท มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020)
“มีอาหารหลายชนิดที่ชาวอิตาลีเชื่อว่าช่วยเรื่องความขึงขังบนเตียง” เชฟเกตาโน พาลุมโบ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟแห่งห้องอาหาร Rossini’s (รางวัลมิชลิน เพลท มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020) มองอย่างนั้น “อาหารทะเล หรือเครื่องเทศอย่างขิง กระเทียม หรือผลไม้แห้ง รวมถึงอัลมอนด์ เฮเซลนัต พิสตาชิโอ หรือว่าผลไม้สดจำพวกสตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รีก็เช่นเดียวกัน”
ความเชื่อที่ว่านั้นเป็นเรื่องโบราณที่เล่าต่อ ๆ กันมา ซึ่งเชฟอารมณ์ดีจากเกาะซิชีเลียเผยว่าคนอิตาเลียนเชื่อว่าการรับประทานอาหารข้างต้นสามารถจุดไฟราคะให้คุขึ้นอีกครั้ง และถือเป็นธรรมเนียมการกินที่ผสานไปกับวิถีชีวิตของดินแดนนักรักอย่างคาซซาโนวาอย่างอิตาลีได้อย่างลงตัว
จานพิเศษที่เชฟเกตาโนนำเสนอให้คู่รักดื่มด่ำในวันแห่งความรักในปีนี้ คือคาร์ปาชโช่หอยพัดสด ๆ จากฮอกไกโด เสริมความสดชื่นด้วยเนื้อส้มและความหวานของแคร์รอต ฉาบด้วยรสร้อนแรงของขิง

‘ฟัวกราส์’ ร้าน Duddell’s, ฮ่องกง (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ ฮ่องกง ปี 2020)
“สำหรับชาวจีนกวางตุ้ง เราเชื่อใน ‘以形補形’ (‘you are what you eat’) แต่สำหรับผู้ชาย อาหารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศนั้นมีตั้งแต่ งู อัณฑะไก่ (雞子) หรือ อัณฑะวัว (牛鞭) แต่ครัวจีนก็เปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น ทั้งหอยนางรม ฟัวกราส์ คาเวียร์ หรือว่าช็อคโกแลต” เชฟหลี แมน-ลัง แห่งร้าน Duddell’s (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ ฮ่องกง ปี 2020) บอกถึงอาหารเสริมพลังรักตำรับจีน
ตำรับอาหารรักเวอร์ชั่นพิเศษที่เชฟชาวจีนแนะนำคือฟัวกราส์ที่ตุ๋นในซุปสุพรีมเข้มข้นที่มาจากการต้มไก่และเนื้อหมูไม่ติดมันเป็นเวลาหลายชั่วโมง รักษารสชาติด้วยกรรมวิธีทำให้สุกอย่างช้าๆ เพื่อคงรสสัมผัสเนียนนุ่มของฟัวกราส์ จากนั้นนำไปหมักกับสาเกเผื่อดึงรสฟัวกราส์ ดึงรสหวานและทอนรสเลี่ยนของฟัวกราส์ให้ออกมาอร่อยยิ่งขึ้นออกมาเป็นจานที่สมบูรณ์
เชฟหลียังได้นำความอร่อยของฟัวกราส์จี่กระทะจนหอมและขึ้นสี มาเสิร์ฟคู่กับหอยเป๋าฮื้อและซอสหอยนางรม เสิร์ฟต้อนรับเทศกาลแห่งความรักที่ร้าน Duddell’s ให้แวะไปเติมพลังรักในแบบของเขากันได้ด้วย

‘หอยนางรม’ ร้าน Elements, กรุงเทพฯ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020)
แต่สำหรับชาวตะวันตกอย่าง เชฟฮันส์ ซาห์เนอร์ หัวหน้าพ่อครัวแห่งห้องอาหาร Elements (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020) ที่ขึ้นชื่อเรื่องการผสมผสานเทคนิคฝรั่งเศสชั้นยอดเข้ากับอิทธิพลครัวญี่ปุ่นแล้ว เชฟฝรั่งเศสมองว่าหอยนางรมกลับเป็นทางเลือกพิเศษที่เหมาะกับคู่รัก เพราะเต็มไปด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินซี และบี 12 ทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม
“แม้จะไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหอยนางรมเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสำหรับชาวกรีกหรือชาวโรมันโบราณ แต่ความอร่อยชั้นยอดจากท้องทะเลนี้ถูกจัดว่าเป็นอาหารที่หรูหรา ที่จักรพรรดิคลอเดียส อัลไบนัสโปรดปราน จนถึงกับกินหมดคนเดียวราว 400 ตัว นอกจากนั้นแล้ว กาอิอุส ปลีนิอุส แซกุนดุส หรือ พลินีผู้อาวุโส นักธรรมชาติวิทยาผู้โด่งดังยังเคยบันทึกไว้ว่า สมัยก่อนหอยนางรมมักถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับหิมะ เพื่อช่วยรักษาความสดในงานเลี้ยงสังสรรค์อันหรูหรา” เชฟฮันส์เล่า พร้อมกับเสริมว่า “หอยนางรมยังปรากฎอยู่ในตำราแพทย์ยุคเรเนสซองส์ว่าช่วยปลุกอารมณ์เร่าร้อนได้เช่นกัน”
เชฟจากดินแดนแห่งความรักอย่างฝรั่งเศสแนะให้เลือกหอยนางรมจากแคว้นบริตตานีหรือนอร์มังดี รับประทานแบบสดๆ หรือจะทำให้สุกสักเล็กน้อย ละเลียดคู่กับไวน์แดงหรือไวน์ขาวจากเบอร์กันดี เพื่ออรรถรสสุนทรีย์และความเร่าร้อนในอารมณ์ ทั้งหอยนางรมยังเป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Elements ในปีนี้ด้วย

‘แกงป่า’ ร้าน ไทยนิยม, กรุงเทพฯ (รางวัลบิบ กูร์มองด์ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020)
แต่สำหรับครัวไทย อาหารเสริมพลังรักตำรับไทยของ กษมา เหล่าพาณิชย์ ผู้อยู่เบื้องหลังร้านไทยนิยม (รางวัลบิบ กูร์มองด์ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2020) ที่ถ่ายทอดตำราอาหารจากสูตรลับของครอบครัวเก่าแก่ ยาเสน่ห์ปลุกรักนั้นคือสมุนไพรและเครื่องเทศเผ็ดร้อนที่อยู่ในอาหารไทยเป็นทุนเดิม โดยเชื่อกันว่าเปรียบเสมือนยารักษาโรค อาทิ กระชายดำ กระเทียม และพริก ซึ่งกระชายนั้นมีทั้งโพรสตานอยด์และไนตริกออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำบัดความหย่อนสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย และช่วยปลุกอารมณ์ถวิลหาได้ดิบดี
“ในครัวไทย น้ำกระชายสกัดเย็นเชื่อว่าช่วยให้ผู้ชายให้รู้สึกขึงขังได้” กษมาเผยความลับตำรับไทย “ส่วนกระเทียมช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับของเหล่าบุรุษที่มีคู่ครองที่เยาว์วัยกว่า” เธอเสริม นอนจากนั้นยังมองว่าพริกสดๆ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ทำให้หัวใจเร็วรัวและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปทั่วร่าง “อันเป็นเหตุผลว่าทำไมความเผ็ดร้อนของพริกช่วยจุดไฟรักให้กับคู่รักได้อย่างดี” กสมากล่าว
นั่นทำให้จานอร่อยบ้านๆ แบบไทยอย่าง แกงป่า เป็นหนึ่งในเมนูเสริมพลังความซู่ซ่าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีส่วนผสมทั้งกระชาย กระเทียม และพริกสดๆ ไว้ในชามเดียว แถมยังมีรสชาติที่สมดุล เผ็ดร้อน แต่แสนจะอร่อย และเป็นหนึ่งในเมนูเด็ดมัดใจของร้านไทยนิยมเช่นกัน

‘แจง เกียว ตัง’ ร้าน Joo-ok, โซล (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ เกาหลีใต้ ปี 2020)
สำหรับแดนโสมแล้ว นอกเหนือจากเครื่องเทศและวัตถุดิบของอาหารเฉพาะอย่าง พ่อครัวอาหารเกาหลีคอนเทมโพรารีอย่าง เชฟชิน ชางโฮ แห่งร้าน Joo-ok (รางวัล 1 ดาวมิชลิน มิชลิน ไกด์ เกาหลีใต้ ปี 2020) กลับบอกว่าคนเกาหลีมีเมนูกระตุ้นต่อมอารมณ์ความโหยหารักที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะ
“ซัมกเยทัง (삼계탕) หรือซุปไก่ยัดใส้เครื่องเทศเป็นอาหารขึ้นชื่อส่งผ่านพลังแห่งความรัก อย่างแรกคือความหมายของชื่อเมนูที่สื่อถึงโสม หรือ (กอ ซัม) ไก่ (กอ กยี) และซุป (กอ ตัง) ในภาษาเกาหลี” เชฟชินเล่า ซุปไก่ตำราแดนโสมนี้ ความพิเศษอยู่ตรงที่ใช้ไก่วัยอ่อนทั้งตัว นำมายัดไส้เครื่องสมุนไพรจำพวกรากโสม พุทราจีน พริกไทยแดง ข้าวเหนียว และเกาลัด โดยเป็นซุปจากตำราเกาหลีดั้งเดิมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย “และมีเมนูอย่าง ยงบองตัง (용봉탕) สตูที่ทำจากไก่ เต่า และปลาตระกูลเดียวกับปลาทอง ที่เป็นเมนูที่คนโบราณเชื่อกันว่าช่วยเพิ่มกำลังวังชาของคนเกาหลี แต่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน” เขาเสริม
นอกเหนือจากนั้นยังเชื่ออีกว่าปลาไหลน้ำจืดเป็นสัตว์ที่ช่วยเพิ่มเรี่ยวแรงและปลุกอารมณ์เรื่องอย่างว่าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังถูกนำมาปรุงเป็นอาหารเสริม ช่วยให้ผ่านพ้นฤดูร้อนอันอบอ้าวได้ด้วย “ปลาไหลเป็นหนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อว่าช่วยเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายได้ดีที่สุด เพราะทำให้รู้สึกกะปรี้กะเปร่า แถมยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี” เขาเสริม
เชฟระดับ 1 ดาวมิชลินตบท้ายอีกว่า ปลาไหลน้ำจืดจะอร่อยที่สุดด้วยการนำมาย่างเตาถ่านให้หอม อันเป็นวิธีการปรุงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หรือจะลองสูตรพิเศษของเชฟ โดยนำมาทำเป็นซุป แจงเกียวตัง (장어탕) ที่ใส่ใบหัวใชเท้าแห้ง และผักกาดขาว เคี่ยวกับปลาไหลจนได้รสอร่อยของปลา ซึ่งเชฟบอกว่าเป็นเมนูเด็ดของคนเกาหลี ทั้งยังปลุกพลังรักให้ลุกโชนตลอดค่ำคืน