บทสัมภาษณ์ 5 minutes 25 มกราคม 2022

“ทำอาหารด้วยความซื่อสัตย์” แรงบันดาลใจของเชฟ Garima Arora ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award Presented by Blancpain

“ทำอาหารด้วยความซื่อสัตย์ ร่วมงานกับผู้คนที่ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น สร้างสภาพแวดล้อมเช่นนี้รอบ ๆ ตัวคุณขึ้นมา”

สำหรับการประกาศรางวัลดาวมิชลิน ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565 ที่เพิ่งผ่านมานั้น หนึ่งในรางวัลที่หลายคนตั้งตารอเพื่อจะรู้ผลและลุ้นไม่แพ้รางวัลดาวมิชลินก็คือรางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award Presented by Blancpain ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์นาฬิกาสวิสชั้นนำอันเก่าแก่ นี่เป็นรางวัลในฝันสำหรับเชฟรุ่นใหม่ทุกคนเลยทีเดียว เพราะเป็นรางวัลที่มอบให้แก่เชฟรุ่นเยาว์จากร้านอาหารรางวัลดาวมิชลินผู้มีความสามารถโดดเด่น มีหัวใจรักในการทำอาหาร ทั้งยังนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้แก่วงการอาหาร ซึ่งตรงกับหัวใจหลักของนาฬิกาแบรนด์นี้ที่สนับสนุนเรื่องนวัตกรรม และยังให้คุณค่าแก่ความสร้างสรรค์และผลงานอันน่าชื่นชมที่ควรค่าแก่การฟูมฟักต่อยอดอีกด้วย

เมื่อประกาศผลออกมา ปรากฏว่าเชฟผู้คว้ารางวัลดังกล่าวประจำปีนี้ก็คือเชฟการิมา อาโรรา (Garima Arora) แห่งร้านอาหาร Gaa (รางวัลหนึ่งดาวมิชลิน) ซึ่งแม้จะปิดและย้ายร้านมายังที่ตั้งใหม่ แต่เมื่อกลับมาเปิดร้านก็สามารถคว้าดาวมิชลินไปครองได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้งในปีนี้ทันทีดังที่เธอเคยทำสำเร็จมาแล้ว

เมื่อได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้ นอกเหนือจากทีมงานของร้าน Gaa ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเรื่องราวหนัก ๆ มาด้วยกันตลอด 2 ปี บุคคลที่เชฟการิมารู้สึกซาบซึ้งใจและนึกขอบคุณมากที่สุดก็คือคุณพ่อของเธอเอง

“พ่อเป็นคนที่มีอิทธิพลกับชีวิตฉันในฐานะเชฟมากที่สุด ท่านคือคนแรกที่สอนฉันทำอาหาร ทำให้ฉันมีใจรักในการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ท่านยังสนับสนุนฉันเมื่อฉันตัดสินใจจะเป็นเชฟ และพ่อยังมีอิทธิพลต่อฉันในเรื่องการทำธุรกิจ การเป็นคนเข้มแข็งภายใต้สถานการณ์อันยากลำบากอย่างที่เราเผชิญกันมาระหว่างช่วง 2 ปีนี้ รวมถึงการคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ซึ่งไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเองคนเดียว แต่ยังรวมถึงทีมงานของเรากว่า 40 ชีวิต พ่อคือผู้ที่มีอิทธิพลต่อฉันมากที่สุดทั้งในฐานะคนคนหนึ่งและในฐานะเชฟ”

“ความซื่อสัตย์ มุ่งมั่น รวมถึงการเป็นมนุษย์ที่มีสติสัมปชัญญะรู้จักคิดนั้นสำคัญมาก การทำให้ตัวคุณเองแวดล้อมไปด้วยผู้คนที่ใช่ สร้างสภาพแวดล้อมที่บ่มเพาะให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นต่องานเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก”

เชฟการิมาเล่าย้อนอดีตถึงความทรงจำในวัยเด็กซึ่งคุณพ่อของเธอต้องเดินทางไปทั่วโลกบ่อยครั้ง เขามักจะกลับมาบ้านพร้อมกับสูตรอาหารและตำราอาหารใหม่ ๆ และลองทำให้สมาชิกที่บ้านชิมอยู่เสมอ “มีครั้งหนึ่งที่ท่านได้สูตรเค้กแอปเปิลแบบกลับหัวมา ซึ่งปรากฏว่าเขาใช้กล้วยทำแทน แล้วฉันก็ประหลาดใจมากที่มีกล้วยอยู่ในเค้ก ก็เลยถามว่า “พ่อ กล้วยมันไปอยู่ในเค้กได้ยังไง” แล้วพ่อก็ตอบกลับมาว่า “มันเป็นเวทมนตร์” นั่นคือความทรงจำครั้งแรกของฉันในการทำอาหารร่วมกันในครัวกับพ่อ”

ไม่เหมือนกับเชฟหลายคนที่เริ่มต้นอาชีพของตัวเองกันตั้งแต่ต้น เชฟการิมาเรียนจบและได้ดีกรีทางด้านวารสารศาสตร์มาก่อน แถมยังเคยใช้ชีวิตทำงานเป็นนักข่าวอยู่ช่วงหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอทำได้ดีและมีความชอบนัก ในที่สุดเธอตัดสินใจว่าอยากจะมุ่งมั่นกับการทำอาหาร จึงเดินไปบอกพ่อว่าต้องการจะเป็นเชฟ

“ฉันเดินไปบอกพ่อว่าฉันอยากละทิ้งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่กับการเป็นคนทำอาหาร พ่อดีใจมากและสนับสนุนฉันในเรื่องนี้ ซึ่งพ่อก็อาจไม่ได้คิดหรอกว่าฉันจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก พ่อคงคิดแค่ว่าอย่างน้อยฉันจะได้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านรับประทาน ดังนั้นไม่ว่าฉันจะอยากเรียนทำอาหารที่ไหนในโลกก็ตามท่านก็สนับสนุน”

พ่อเป็นเหมือนลมใต้ปีกที่สนับสนุนการตัดสินใจให้เชฟการิมาใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ในวัย 21 ปีเธอเปลี่ยนชีวิตของตัวเองด้วยการเดินทางไปเรียนทำอาหารอย่างจริงจังที่โรงเรียนสอนทำอาหาร Le Cordon Bleu ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังเรียนจบเธอได้ร่วมงานกับเชฟชื่อดังและภัตตาคารรางวัลดาวมิชลินระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็นเชฟกอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) ที่ร้าน Verre ในดูไบ หรือ Noma ร้านอาหารในกรุงโคเปนเฮเกนที่เพิ่งได้รับรางวัลสามดาวมิชลินมาครองหมาด ๆ ซึ่งเธอมีโอกาสได้ร่วมงานกับเชฟเรเน เรดเซปิ (René Redzepi) นับเป็นช่วงเวลาที่เชฟการิมายอมรับว่ามีอิทธิพลต่อวิธีคิดของเธออย่างลึกซึ้ง และช่วยให้เธอเติบโตในฐานะเชฟเป็นอย่างมาก ก่อนจะย้ายมาปักหลักและเปิดร้านอาหาร Gaa ณ กรุงเทพฯ​ ที่เธอสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้สำเร็จ


เราถามเชฟการิมาในวันที่เธอประสบความสำเร็จว่านำพาตัวเองมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร
“บางคนอาจคิดว่าอาชีพเชฟนั้นเป็นโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่ฉันมักพูดอยู่เสมอว่าฉันไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไรหรอก ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน เชื้อชาติอะไร คุณจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณทำงานของคุณออกมาได้ดี นั่นคือทั้งหมดที่สำคัญ และนั่นคือสิ่งที่ฉันบอกกับผู้หญิงและทุก ๆ คนอยู่เสมอ ทุกคนมีความท้าทายในชีวิต เมื่อคุณทุ่มเททำงานหนัก คุณจะได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาเสมอ ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ

“นอกเหนือจากนั้นฉันคิดว่าความซื่อสัตย์ มุ่งมั่น รวมถึงการเป็นมนุษย์ที่มีสติสัมปชัญญะรู้จักคิดนั้นสำคัญมาก การทำให้ตัวคุณเองแวดล้อมไปด้วยผู้คนที่ใช่ สร้างสภาพแวดล้อมที่บ่มเพาะให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นต่องานเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเมื่อเราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมแบบนั้นให้เกิดขึ้นได้ ทั้งตัวเราเองและผู้คนรอบข้างย่อมจะไปได้ไกล เช่นเดียวกับการมีวินัยซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทุกอย่างที่พูดมานี้คือความรอบคอบและถี่ถ้วนในตัวเอง ทั้งในการทำงาน ในชีวิตประจำวันของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เราต้องผ่านการระบาดใหญ่ การสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองที่ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวคุณเองแต่ยังเพื่อคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้าย การให้โอกาสกันและกันได้ประสบความสำเร็จ การมอบเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบาก ฉันคิดว่าการเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะรู้จักคิดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก”

“ยืนหยัดทำในสิ่งที่คุณเชื่อ ทำอาหารด้วยความสัตย์จริง ร่วมงานกับผู้คนที่ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น สร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ตัวเองมีความสุข และจงยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วทุกอย่างก็จะตามมาเอง…แต่คุณต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพและตัวคุณเองก่อน”

เราถามถึงรางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award ที่ได้รับมาล่าสุดว่ามีความหมายอย่างไรสำหรับเธอ เชฟการิมาให้คำตอบว่า
“บอกตามตรงนะ ฉันหยุดคิดถึงตัวเองว่ายัง ‘เยาว์’ แล้ว แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีมากว่ายังมีอีกหลายสิ่งมากที่ตัวฉันทำได้ ประสบความสำเร็จได้ และยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันสามารถแสดงให้คนอื่นเห็นได้ว่าฉันมาจากไหน ฉันสร้างให้เกิดอะไรได้บ้าง ในธุรกิจร้านอาหารที่ทุกคนเองก็น่าจะรู้ดีว่าไม่ง่ายเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีร้านอาหารหลายร้านต้องปิดตัวลง หลาย ๆ คนอดคิดไม่ได้ว่านี่คือจุดจบ แม้คุณจะทุ่มเทแรงกายลงไปมาก แต่ก็ตอบแทนกลับมาได้น้อย ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า ทุกอย่างไม่ง่ายเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เรากลับมาเปิดร้านใหม่ ลูกค้ากลับมาที่ร้านและเพลิดเพลินกับอาหารของเรา การได้รางวัลนี้มาจึงเหมือนกับเป็นพลังบวกที่กระตุ้นเตือนให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองยังเด็กและมีพลังล้นเหลือ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ทำให้ทั้งฉันและทีมต่างก็รู้สึกว่ามันยังไม่จบ นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น และเรายังทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ มันทำให้ฉันซาบซึ้งถึงทุกอย่างที่เรามี

“คำแนะนำสำหรับเชฟรุ่นใหม่จากฉันก็คือ จงยืนหยัดทำในสิ่งที่คุณเชื่อ ทำอาหารด้วยความสัตย์จริง ร่วมงานกับผู้คนที่ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น สร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ตัวเองมีความสุข และจงยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วทุกอย่างก็จะตามมาเอง…แต่คุณต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพและตัวคุณเองก่อน”


สำหรับรางวัลที่มอบให้แก่เชฟรุ่นใหม่ผู้น่าจับตามองรางวัลนี้สนับสนุนโดยแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่าง “Blancpain” ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาได้บ่มเพาะสายสัมพันธ์พิเศษกับ “Haute Cuisine” หรือโลกของอาหารชั้นสูงร่วมกับเชฟชั้นนำมือรางวัลระดับโลกมายาวนานถึงกว่า 30 ปี

ทั้งนี้ “ความต่อเนื่องของนวัตกรรม” ถือว่าเป็นค่านิยมหลักอันเป็นธรรมเนียมสืบทอดของแบรนด์ Blancpain มาโดยตลอด คุณภาพนาฬิกาของแบรนด์นี้วางอยู่บนฐานของการปรับเปลี่ยนที่แม่นยำควบคู่ไปกับการผสมผสานความรัก ความหลงใหล ความเป็นของแท้ดั้งเดิม ควบคู่กับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า “ช่างทำนาฬิกาและเชฟมือฉมังต่างก็มีความคล้ายคลึงกันตรงที่ต้องแสดงทักษะความสามารถอันน่าทึ่งในการคิดค้น รวมทั้งท้าทายขอบเขตของศาสตร์และศิลป์ในแขนงของตนเองอย่างไม่ลดละเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก ด้วยเชื่อมั่นว่าจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”

ที่ผ่านมา Blancpain ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้จับเวลาให้กับการแข่งขันทำอาหารซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางเท่านั้น ทว่ายังรายล้อมไปด้วยมิตรสหายที่ผูกพันกันทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงบรรดาเชฟยอดฝีมือจากร้านอาหารระดับรางวัลที่ครอบครองดาวมิชลินรวมกันกว่าร้อยดวง

ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน “Blancpain” กับ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ร่วมกันเป็นพันธมิตรระดับโลก ส่งเสริมและสนับสนุนมาตรฐานความเป็นเลิศ ความหลงใหล และความเชี่ยวชาญที่มี เช่นเดียวกับรางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award Presented by Blancpain ที่ทางแบรนด์ได้ผนึกกำลังกับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เสาะแสวงหาเชฟอนาคตไกลผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในแวดวงอาหารระดับนานาชาติ โดยรางวัลดังกล่าวมีความโดดเด่นตรงที่เป็นรางวัลซึ่งมอบให้แก่เชฟรุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 36 ปีผู้เปี่ยมด้วยความสามารถ รวมถึงได้รับการยกย่องในความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถรังสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารอันน่าจดจำตรึงตรา

รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award Presented by Blancpain ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์นาฬิกาสวิสคุณภาพเยี่ยมอันเก่าแก่และเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวแบรนด์นี้จึงถือเป็นเครื่องยืนยันความสำคัญที่มอบให้แก่เหล่าเชฟผู้กล้ารุ่นใหม่ ที่แผ้วถางแนวทางการสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบจนสามารถสร้างความแตกต่างให้แก่วงการอาหารระดับสูง ดังนั้นแทนที่จะเป็นเพียงรางวัลธรรมดาที่มอบให้แก่คนรุ่นใหม่ นี่จึงเป็นรางวัลทรงคุณค่าที่ปรารถนาจะส่งเสริมวงการอาหารของประเทศไทย โดยจูงใจให้เชฟรุ่นใหม่ท้าทายก้าวข้ามขีดจำกัดของตน เพื่อรังสรรค์อาหารชั้นเลิศไม่ว่าจะในระดับประเทศหรือระดับโลก


บทสัมภาษณ์

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ