“นุ่มลิ้นชวนฝัน” น่าจะอธิบายลักษณะของอาหารฝรั่งเศสได้ดี ถ้าคุณอาศัยอยู่หรือแค่มีโอกาสแวะมาเมืองกรุง ก็เตรียมเคลิบเคลิ้มไปกับร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีให้เลือกตั้งแต่ร้านหรูบรรยากาศเป็นทางการไปจนถึงร้านสบาย ๆ บนรูฟท็อป
เลอ นอร์มังดี (รางวัล 2 ดาวมิชลิน)
แค่พูดชื่อก็ไม่ต้องแนะนำอะไรมากอีกแล้ว ตั้งแต่เปิดตัวในปีพ.ศ.2501 ร้านเลอ นอร์มังดีก็ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุดมาตลอด ตัวร้านตั้งอยู่ในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โซฟาและเก้าอี้นุ่มสบาย อาหารทุกเมนูรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบชั้นยอดผ่านเทคนิคแสนประณีต เริ่มตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยอย่าง Caviar Et Oursin ที่ประกอบด้วยหอยเม่น Krystal Caviar และ Potato Foam เราขอแนะนำให้สั่งเมนู 8 คอร์สที่มีให้บริการทั้งมื้อเที่ยงและเย็น ทุกจานตกแต่งมาอย่างสวยงาม แต่ก็ไม่พิสดารจนต้องคอยถามวิธีทาน

เมซซาลูน่า (รางวัล 2 ดาวมิชลิน)
เมื่อผสานความแม่นยำดั่งแสงเลเซอร์ของเชฟชาวญี่ปุ่นเข้ากับเทคนิคและรสชาติแบบฝรั่งเศส คุณจะได้สัมผัสกับอาหารสุดวิจิตร พร้อมวิวแสนประทับใจบนชั้น 65 ของโรงแรมเลอบัว แอท สเตท ทาวเวอร์ ห้องอาหารที่ร้านออกแบบเป็นทรงพระจันทร์เสี้ยว มองเห็นทิวทัศน์เมืองหลวงได้ 180 องศา ดื่มด่ำกับเมนู 7 คอร์สเคล้าดนตรีจากวงควอเต็ทเล่นสด อาหารมีทั้งที่นำเสนอความเป็นฝรั่งเศสอย่าง Lobster Tail Poached in Ginger Butter and Spruced with Sea Urchin and Pureed Carrot และที่แฝงความเป็นญี่ปุ่นอย่าง Foie Gras Prepped as Chawanmushi with Duck Consommé มื้อเดียวครบรส ทั้งตะวันออกและตะวันตก

ซาเวลเบิร์ก (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์กเป็นชาวดัตช์ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารฝรั่งเศสระดับโลก ร้านอาหารต่าง ๆ ในบ้านเกิดของเขาต่างได้รับรางวัลมิชลิน เขาตัดสินใจมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองไทยด้วยการเปิดร้านซาเวลเบิร์กบนถนนวิทยุ ตัวร้านโอ่โถง รับแสงธรรมชาติเต็มที่ อาหารฝรั่งเศสที่ร้านมีกลิ่นอายความเป็นดัตช์ผสมอยู่ ที่ร้านมีทั้งเมนู à la carte และ tasting menu รังสรรค์ขึ้นด้วยวัตถุดิบที่เฟ้นหามาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อจากแทสเมเนีย ปลาจากฮอลแลนด์ หรือวัตถุดิบในประเทศที่ช่วยเสริมรสในเมนูอย่างล็อบสเตอร์เสิร์ฟพร้อมส้มโอ ฮอร์สแรดิช ผักชีลาว และน้ำสลัดยูซุ

แฌม บายฌอง มิเชล โลรองต์ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
หลังจากช่วยร้านของครอบครัวคว้ารางวัล 3 ดาวมิชลินที่ฝรั่งเศสมาแล้ว เชฟฌอง มิเชล โลรองต์ก็พกความรู้และประสบการณ์มาสู่ห้องอาหารแสนโออ่าของโรงแรมยู สาทร ที่ร้านเน้นเมนูฝรั่งเศสแบบคลาสสิค เชฟนำรสมือคุณย่ามาใส่ความสร้างสรรค์ กลายเป็นเมนูอย่าง Root Vegetable Ravioli with Herb Oil and Arabica Coffee Sauce เราแนะนำให้สั่ง tasting menu 5 หรือ 8 คอร์สเพื่อซึมซับความหรูหราของทั้งอาหารและสถานที่อย่างเต็มที่

เอเลเมนท์ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
อาหารฝรั่งเศสที่ฟิวชั่นรสชาติแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ได้แรงบันดาลใจจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ร้านรางวัล 2 ดาวมิชลินอย่างซีเอล เบลอ (Ciel Bleu) ในโรงแรมโอกุระ อัมสเตอร์ดัมนำเสนอ ตัวร้านอยู่บนชั้น 25 ของโรงแรมโอกุระ เพรสทีจ สว่างด้วยไฟสีฟ้าอบอุ่น ระหว่างรออาหารบนเก้าอี้หนังแสนนุ่ม คุณสามารถตื่นตาไปกับการรังสรรค์อาหารในครัวเปิด ก่อนตื่นใจไปกับความประณีตละเอียดลออไร้ที่ติของอาหารที่ตัดกับบรรยากาศสบาย ๆ ทางร้านใช้แต่วัตถุดิบออร์แกนิคและหาได้ในท้องถิ่น เว้นแค่เนื้อวากิวกับซีฟู้ดที่นำเข้าจากญี่ปุ่น

ฟิลิปเป้ (รางวัลมิชลิน เพลท)
เชฟ Philippe Peretti จากบ้านเกิดบนแคว้นคอร์ซิกาทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมาเปิดร้านที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2540 ทุกจานรังสรรค์ขึ้นตามสูตรแบบดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยน ทุกอย่างในร้านบ่งบอกถึงความคลาสสิก แต่ไม่ล้าสมัย ห้องอาหารตกแต่งด้วยผนังไม้และม่านยาว ได้บรรยากาศเหมาะกับการดื่มด่ำกับเมนูอย่าง Burgundy snails ซุปหัวหอมฝรั่งเศส หรือ Oyster Blade Wagyu Steak with Red Wine Sauce

Artur (รางวัลมิชลิน เพลท)
ร้านในซอยต้นสนแห่งนี้ตกแต่งอย่างสวยสง่า ทั้งที่นั่งแบบ banquet และกำแพงบุกำมะหยี่แดงหนานุ่ม แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นกันเอง เจ้าของอย่างคุณ Artur Kluczewski มีประสบการณ์บริหารงานร้านอาหารในโรงแรมชื่อดังมาหลายแห่ง คุณจะเห็นเขาคอยต้อนรับแขก แนะนำอาหาร และดูแลความเรียบร้อยตลอดเวลา วัตถุดิบที่ร้านมาจากโครงการหลวงหรือนำเข้าจากฝรั่งเศส เมนูที่ร้านเป็นสไตล์คลาสสิก ไม่ว่าจะเป็น Lobster Bisque หรือ Pan-Seared Foie Gras Terrine แต่คนรักเนื้อก็เลือกสั่งสเต็กได้ มีทั้งเนื้อโกเบจากออสเตรเลีย เนื้อวัวแองกัสจากอเมริกา หรือจะเป็น Côte de Bœuf

เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ (รางวัลมิชลิน เพลท)
เชฟร็อกแซน แรงจ์ (Roxanne Lange) เป็นศิษย์เอกของเชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก เชฟสาวคนนี้ได้พัฒนาเทคนิครังสรรค์อาหารฝรั่งเศสที่ยากจะปฏิเสธ ร้านนี้ที่เธอเป็นหัวหน้าเชฟตั้งอยู่ในโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ ทุกเมนูแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ ความประณีต และความเอาใจใส่ โดยไม่ลืมความอร่อย เชฟร็อกแซนยังสอดแทรกความเป็นไทยด้วยการนำวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างพริกหรือมะกรูดมาใช้อีกด้วย
หมายเหตุ: ร้านเดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ปิดปรับปรุงจนถึงเดือนส.ค. 2562

Scarlett (รางวัลมิชลิน เพลท)
เข้าถึงได้และมีสไตล์ ร้านนี้เหมาะกับการเริ่มต้นค่ำคืนแสนสนุก อาหารอร่อยจนอาจลืมมองวิวอันสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและสีลมยามค่ำ ครัวเปิดที่นี่รังสรรค์เมนูได้หลากหลาย ตั้งแต่ Bone Marrow with Shallot หอยทาก (Escargot) ไปจนถึง Slow-cooked Lamb Shank ของหวานก็ห้ามพลาดเช่นกัน ทั้ง Grand Marnier Souffle และ Mille-feuille with Vanilla Cream

อินดิโก้ (รางวัลมิชลิน เพลท)
ร้านที่ชาวฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ แนะนำ เข้าไปแล้วได้ยินเสียงพูดคุยภาษาฝรั่งเศสตลอดเวลา อาหารที่ร้านเน้นรสชาติ ลืมอาหารชิ้นจิ๋วบนจานสุดวิจิตรไปได้เลย คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบครอบครัว และอิ่มอร่อยกับอาหารฝรั่งเศสที่คุ้นเคยอย่าง Tartar Steak with Fries, Cheese Souffle และ Duck Liver Tartine รสชาติเหมือนฝีมือคุณย่า