บ้านเทพา ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่บ้านประจำตระกูลของ เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ และเป็นร้านอาหารที่คว้ารางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกและรางวัลสองดาวมิชลิน จากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 มาได้หมาด ๆ สำหรับที่แห่งนี้คำว่าความยั่งยืนไม่ได้มาในรูปแบบหลักการเท่านั้น
เพราะสามารถเป็นงานศิลปะได้ด้วย
สำหรับอาหารแต่ละเมนูที่เชฟตามรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เธอตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลมาจากเกษตรอินทรีย์และจากเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศไทย เชฟตามให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพืชท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้เธอยังปลูกสมุนไพรและผักหลายชนิดในสวนเกษตรอินทรีย์ของร้านเอง รวมถึงมีการนำเศษอาหารไปหมักและเปลี่ยนของเหลือที่ถูกมองข้ามให้กลายเป็นซอสด้วย

ทว่าความยั่งยืนของบ้านเทพาไม่ได้หยุดอยู่บนจานอาหารเท่านั้น เพราะถ้าหากลองมองเข้าไปใกล้ ๆ คุณจะเห็นเศษอาหารกลายเป็นของตกแต่งบนโต๊ะที่เด่นสะดุดตาและแสดงความมุ่งมั่นของร้านอาหารแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากเชฟตามทำงานร่วมกับศิลปินท้องถิ่นเพื่อนำเปลือกไข่ เศษอาหารทะเล และของเหลือทิ้งอื่น ๆ ที่ใช้เวลาในการย่อยสลายนานไปเปลี่ยนให้กลายเป็นของตกแต่งที่เต็มไปด้วยสีสันและคุณค่า ซึ่งความตั้งใจของเธอก็ไม่ได้จบเพียงเท่านี้
เพราะเชฟตามอธิบายขั้นตอนในการสร้างสรรค์ของตกแต่งที่ทั้งความสวยงามและยั่งยืนให้มิชลินฟัง รวมถึงบอกเคล็ดลับในการเปลี่ยนขยะเศษอาหารที่บ้านของคุณให้กลายเป็นงานศิลปะได้ง่าย ๆ อีกด้วย

เปลี่ยนเศษขยะให้มีเรื่องราว
“ความยั่งยืนและการลดขยะเป็นหัวใจสำคัญเบื้องหลังวิสัยทัศน์ของบ้านเทพามาโดยตลอด" เชฟตามกล่าว
และเพื่อความมั่นใจว่าค่านิยมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานที่ร้านอาหารในแต่ละวัน เชฟตามจึงมีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจน และตรวจสอบการทำงานของทีมบ้านเทพาเป็นประจำนับตั้งแต่การเปิดร้านอาหารมาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งหนึ่งในข้อปฏิบัติสำคัญก็คือการนำขยะในครัวกลับมาใช้ใหม่
ในแต่ละวัน บ้านเทพาหมักเศษอาหารถึง 12-13 กิโลกรัม เพื่อนำไปใช้เป็นปุ๋ยในสวนของร้านเอง นอกจากนี้เชฟตามและทีมร้านอาหารยังหมักเศษเนื้อและเปลือกผักผลไม้เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารและเครื่องดื่มด้วย
ยกเว้นเศษอาหารบางประเภท อาทิ เปลือกไข่และอาหารทะเลที่จำเป็นต้องมีวิธีการรับมือที่แตกต่างออกไป
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นไอเดียในการทำของตกแต่งขึ้นมา
บ้านเทพาร่วมมือกับศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเชิงฟังก์ชัน อาทิ ทับทิม-จิตริณี แก้วจินดา จากแบรนด์บูติก Pipatchara และสตูดิโอสร้างผลิตภัณฑ์จากขยะ Waste Matters พวกเขาร่วมกันสร้างสรรค์ของตกแต่งโต๊ะอาหารที่มีความซับซ้อน แต่ผสมผสานไปด้วยความสร้างสรรค์และความยั่งยืน
โดยพวกเขาใช้เปลือกปู เปลือกกุ้ง และเปลือกไข่จากห้องครัวในการสร้างสรรค์ชิ้นงานเซรามิก 9 ชิ้น แทนอาหารแต่ละคอร์ส โดยชิ้นงานเหล่านั้นเรียงซ้อนกันจนกลายเป็นเชิงเทียนสีสันสดใสที่ดึงดูดความสนใจของคุณได้ทันทีที่เห็น

นำเศษอาหารที่บ้านมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ไม่ยาก
สิ่งที่บ้านเทพาทำช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนอยากสร้างสรรค์ของตกแต่งที่มีความยั่งยืนเองที่บ้าน เชฟตามจึงแนะนำให้เริ่มจากอะไรง่าย ๆ ก่อน
โดยวิธีการที่ง่ายที่สุดในการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ เชฟตามแนะนำให้เริ่มจากการหมักผักผลไม้เหลือทิ้ง หรือเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นน้ำสต็อกที่เต็มไปด้วยรสชาติ
"เราสามารถทำคอมบูชา น้ำส้มสายชู หรือแม้กระทั่งโซดาธรรมชาติก็ได้ อย่างเช่นที่บ้านเทพา พวกเราทำเครื่องดื่มแพร์ริ่งแบบไร้แอลกอฮอล์ที่มีคอมบูชาและเครื่องดื่มหมักอื่น ๆ อยู่ในเมนู" เชฟตามเล่าให้ฟัง และแนะนำให้ทุกคนเริ่มจากสิ่งที่พบอยู่ในชีวิตประจำวัน อาทิ ขิงหรือเปลือกมังคุด
"เปลือกมังคุดสามารถนำไปหมักเพื่อสร้างเนื้อสัมผัสเลียนแบบแทนนินที่พบได้ในไวน์แดง" เชฟตามเสริม "สิ่งเหล่านี้เป็นการใส่ความสร้างสรรค์และความยั่งยืนลงไปในเครื่องดื่มของคุณ"
เปลือกส้มและสมุนไพรแห้งที่เหลือใช้ก็สามารถนำไปทำเป็นผงปรุงรสเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับขนมอบหรือชาได้เช่นกัน แม้กระทั่งเปลือกหัวหอม ยอดแครอท หรือเศษกระดูก ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก
“วัตถุดิบเหล่านี้เต็มไปด้วยรสชาติและสามารถนำไปเคี่ยวทำน้ำซุปแสนอร่อยสำหรับเมนูต้ม สตูว์ หรือแม้แต่ริซอตโตก็ได้เช่นกัน” เธออธิบาย

เปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นของตกแต่งสุดหรู
ถ้าคุณต้องการลดขยะด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ขึ้นอีก เชฟตามแนะนำให้ลองปรึกษาศิลปิน นักออกแบบ หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ผู้มีความหลงใหลในการทดลองเหมือนกัน
“ในประเทศไทยมีศิลปินและนักออกแบบรีไซเคิลจำนวนมากที่กำลังมองหาวัสดุที่น่าสนใจเพื่อสร้างผลงานศิลปะอยู่เสมอ” เชฟหญิงเจ้าของรางวัล Young Chef Award ประจำปี 2567 กล่าว
เชฟตามอธิบายต่อว่า อย่างเช่นนักออกแบบอย่าง Waste Matters อาจนำเปลือกหอย เปลือกผลไม้ กากกาแฟ หรือของเหลือทิ้งอื่น ๆ ไปทำเป็นถาด ที่รองแก้ว เชิงเทียน หรือของตกแต่งแบบแขวนต่าง ๆ
“เปลือกหอยสามารถกลายเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ เปลือกผักผลไม้ต่าง ๆ ก็สามารถทำเป็นสีย้อมจากธรรมชาติได้ หรือพลาสติกก็สามารถเปลี่ยนเป็นของตกแต่งหรือแม้กระทั่งแฟชั่นไอเท็มก็ได้อีกเช่นกัน”
แต่ก็ยังมีทางเลือกง่าย ๆ อีกมากมายที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แค่มีไอเดียและลองลงมือทำ
อย่างเช่นเปลือกไข่ที่บดแล้วและย้อมด้วยสีธรรมชาติสามารถนำไปใช้ทำเป็นเซรามิกหรือเรซินเพื่อสร้างลวดลายโมเสกที่ไม่เหมือนกันใครได้ เปลือกหอยแมลงภู่ หอยนางรม หรือหอยชนิดอื่น ๆ ก็ช่วยเพิ่มผิวสัมผัสให้กับภาพวาดได้ หรือแม้แต่เห็ดก็สามารถนำไปทำเป็นโคมไฟได้เช่นกัน

การสร้างนิยามใหม่ของการรับประทานอาหารอย่างยั่งยืน
สำหรับบ้านเทพา เชิงเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจากร้านอาหารแห่งนี้มีการนำเปลือกปู เปลือกกุ้ง และเปลือกไข่ไปสร้างเป็นถังขยะใบเล็กเพื่อใช้ในร้านอาหารด้วย
“เปลือกหอยเหล่านี้อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งทำให้วัสดุมีความแข็งแรงและทนทานคล้ายคอนกรีต ในขณะเดียวกันก็มีพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” เชฟตามบอก
เชฟตามเผยว่าแนวทางต่อไปของบ้านเทพาคือ การลดขยะที่ไม่ใช่อาหาร ด้วยการร่วมมือกับนักออกแบบผลิตภัณฑ์จากขยะเพื่อหาวิธีการรีไซเคิลพลาสติกให้กลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ของใช้ในห้องน้ำที่สามารถนำมาใช้ที่ร้านอาหารได้
เชฟตามหวังว่าโปรเจ็กต์เหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รับประทานอาหารได้เห็นว่าเศษอาหารไม่ใช่ของเหลือทิ้ง แต่เป็นสิ่งที่ยังมีคุณค่า เพียงแค่เราเปลี่ยนมุมมองสักเล็กน้อยก็อาจพบคำตอบว่าชิ้นงานสุดสร้างสรรค์ชิ้นต่อไปอาจซ่อนอยู่ในครัวของคุณมาโดยตลอด
ภาพเปิด: © Baan Tepa