นักเขียนของเราบอกเล่าประสบการณ์ในการสำรวจและสัมผัสความสง่าและหรูหราคลาสสิกที่ทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก
ทุกครั้งที่คิดว่าจะต้องไปภูเก็ต ฉันลังเลเสมอ เพราะถนนที่คดเคี้ยว หักมุมน่าจนหวาดเสียวบนเนินเขาของเกาะ บางครั้งก็ต้องทนอยู่บนรถนานหลักชั่วโมงกว่าจะถึงที่พัก และสำหรับคนที่วิงเวียนง่าย นี่คือหายนะ ทว่าถนนเส้นที่มุ่งหน้าสู่โรงแรมตรีสราชวนประหลาดใจ เพราะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น แถมยังวิ่งทางตรงจนหมดห่วง เมื่อเราผ่านประตูเข้าไปสู่สวนสวรรค์อันเขียวชอุ่มซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านมีแสงเงาพาดผ่าน ฉันว่าฉันน่าจะชอบสถานที่แห่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตรีสราตั้งอยู่บนหาดในทอนที่เงียบสงบ ห่างจากย่านฮิตยอดนิยมอย่างหาดป่าตองไปทางเหนือราวหนึ่งชั่วโมง สำหรับผู้เขียน นี่เป็นสวรรค์แห่งความสุขที่พาให้ตัวเองหลุดออกจากเมฆฝนที่มืดครึ้ม ป้ายไฟนีออนนับไม่ถ้วน และความพลุกพล่านจนวุ่นวายตลอดเวลาของมหานครอย่างกรุงเทพฯ และเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวมวลชนโดยทั่วไปของภูเก็ต ที่แห่งนี้อยู่ในอ้อมกอดของแมกไม้และท้องทะเลอย่างลงตัว ในเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีโรงแรมล้ำสมัยผุดเขึ้นไม่หยุด แถมยังขึ้นพาดหัวข่าวชพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวเป็นนิจ ตรีสราเปรียบได้กับลมหายใจแห่งความสง่างามคลาสสิกอันแสนสดชื่น ไม่มีลูกเล่นไว้ล่อหลอก ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงวิวทะเล พื้นที่ที่ได้รับการตกแต่งอย่างเงียบง่าย แต่หรูหรา และความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนอย่างไม่ยัดเยียดแก่แขกที่มาพัก



มากกว่าแค่ห้องพัก
เดี๋ยวเราค่อยว่ากันถึงความยั่งยืนที่ว่า แต่ก่อนอื่นเราไปดูห้องพักกันก่อน เพราะทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไปที่ตรีสรา การเดินเข้าห้องพักถือเป็นการผจญภัยเล็ก ๆ ก็ว่าได้ เราผ่านบันไดเล็ก ๆ จึงจะย่างเข้าสู่สวรรค์เขตร้อนอันเขียวชอุ่ม จนได้พบกับมหาสมุทรสีฟ้ากว้างใหญ่ซึ่งปรากฏต่อหน้าต่อตาของตัวเองวิลล่าทั้งหมดของตรีสรามี 39 หลัง แต่ละหลังมีสระว่ายน้ำของตัวเอง ทอดยาวไปตามเฉลียงห้องขนาดใหญ่ ซึ่งมีเตียงอาบแดดแลดูเชื้อเชิญวางตั้งอยู่ผสานกับเวิ้งฟ้าและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สุดสายตา แม้นี่จะเป็นวิลล่าสำหรับ 2 คน แต่กลับกว้างพอสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ ได้สบาย ยังไม่จบเท่านั้น ยังมาพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ที่อาบน้ำกลางแจ้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกของทั้งชายหญิงที่เตรียมไว้ให้พร้อม รวมถึงรองเท้าแตะสำหรับใส่ทั้งภายในภายนอก กับกระเป๋าชายหาด และยาฉีดกันยุงแบบธรรมชาติ
ที่นี่หรูหราพอ ๆ กับรีสอร์ทหรูหลายแห่งที่ฉันเคยไปมาในไทย แต่ไม่ใช่แค่เฉพาะห้องพักเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกหรูหรา รีสอร์ทแห่งนี้ยังตั้งอยู่พื้นที่กว้างใหญ่ราว ๆ 42.5 ไร่ ฉันนั่งรถกอล์ฟจากห้องพัก ผ่านสปากลางแจ้ง ต้นปาล์ม และทิวทัศน์อันสวยงามของท้องทะเลอันดามัน จนมาถึงพรุ (PRU) หนึ่งในสองร้านอาหารรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกที่ตรีสรา และร้านอาหารดาวมิชลินนอกเมืองหลวงแห่งเดียวในประเทศไทย



กินอย่างรักษ์โลก
ร้านพรุที่นำโดยจิมมี โอฟอสต์ (Jimmy Ophorst) ชาวดัตช์วัย 34 ปี โดยชื่อของห้องอาหารพรุย่อมาจาก "Plant, Raise, Understand” ร้านอาหารริมทะเลแห่งนี้นอกจากจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์แล้ว ยังมุ่งมั่นใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นตามฤดูกาลซึ่งไม่ได้นำเสนอเพียงเอกลักษณ์ของภูเก็ตเท่านั้น ในฐานะนักกินผู้อยากรู้ ผู้เขียนยังประหลาดใจที่เชฟจิมมีหยิบวัตถุดิบอย่างทุเรียนมาขึ้นจานอาหาร ควบคู่ไปกับผลไม้เมืองร้อนหายาก อาหารทะเล และของหมักดอง ร้านอาหารรักษ์โลกแห่งนี้ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทยทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนหนึ่งมาจากฟาร์มของโรงแรม อีกส่วนหนึ่งมาจากชาวทะเลที่จับได้และเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระวันรุ่งขึ้นฉันยอมสละเวลาบนชายหาด นั่งรถ SUV ของรีสอร์ทเป็นเวลา 20 นาทีไปยังจัมปา ร้านอาหารแนะนำใน 'มิชลิน ไกด์' และยังพ่วงด้วยรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ร้านแห่งนี้มุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและลดขยะเป็นศูนย์ โดยเชฟริค ดินเกน (Rick Dingen) ชาวดัตช์อีกคนที่เชื่อมั่นในการปรุงวัตถุดิบด้วยความเรียบง่าย ให้นักกินยังรู้จักถึงต้นตอของวัตถุดิบผ่านการใช้ไฟอย่างชาญฉกาจ เพื่อนำเสนอรสชาติของวัตถุดิบเป็นตัวชูโรงอยางเอร็ดอร่อย
อ่าน: “จำปา” บทเรียนแห่งความยั่งยืน จากฟาร์มถึงห้องครัว สู่โต๊ะอาหาร


นอกจากเชฟทั้งสองที่อุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อมและรังสรรวัฒนธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจแล้ว คุณยังสังเกตเห็นได้ทั่วทั้งตรีสรา เป็นสิ่งที่ทำให้แขกผู้มาเยือนอย่างฉันรู้สึกประทับใจ ยามบ่ายขณะนั่งอาบแดดอยู่บนผืนทรายสีขาว สายตาก็เผอิญเห็นปูเสฉวนยักษ์กับเปลือกที่ดูแปลกตาเกือบทั่วทั้งหาด ตอกย้ำความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแห่งนี้ แล้วพนักงานของโรงแรมก็เฉลยคำตอบขณะเสิร์ฟ Gin Rickey เย็นเจี๊ยบให้กับฉัน
เขาอธิบายว่าครอบครัวของแขกที่มาพักประจำสรรหาเปลือกหอยสภาพดีมาจากแผงริมถนน เพื่อให้เจ้าปูเสฉวนได้มีหลังคาบ้านใหม่ที่แข็งแรง นี่คือความเชื่อมโยงกับธรรมชาติที่แม้ดูไม่ได้สลักความสำคัญเท่าสิ่งที่เชฟจิมมีทำที่พรุ หรือเชฟริคทำที่จำปา กระนั้นการได้เห็นปฏิสัมพันธ์และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมก็ทำให้ฉันยิ้มออก ในสวรรค์เล็ก ๆ อันเงียบสงบท่ามกลางป่าเขตร้อนแห่งนี้ ผู้เขียนอดนึกไม่ได้ว่าอยากให้ส่วนอื่น ๆ ของเกาะภูเก็ตได้หันมามองถึงสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทที่ตรีสราบ้าง ทั้งการให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่และให้เกียรติแก่ธรรมชาติ
หรือบางทีฉันอาจคุ้นเคยกับโรงแรมในเมืองใหญ่ หรือที่พักที่แข่งด้วยงานออกแบบล้ำสมัย พรั่งไปด้วยอุปกรณ์และลูกเล่นล้ำต่าง ๆ มากมาย จนลืมว่าตัวเองอยากหลบหนีออกจากความวายป่วงของกรุงเทพฯ มาทำไมแต่แรก ความหรูแต่เรียบง่ายของที่นี่ชวนสะกดแบบไม่ต้องตะโกน ให้แขกที่มาพักได้เอนร่าง ละพ้นจากการเชื่อมต่อกับหน้าจอ หันมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม แล้วคุณอาจพบว่าตัวเองถูกสะกดด้วยแสงแดดยามเช้า ได้ลิ้มรสอาหารที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อชูเกียรติแก่ผืนแผ่นดิน ได้แช่ร่างให้ชุ่มฉ่ำในสระน้ำส่วนตัวใต้แสงดาว เพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสงบ และการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มอย่างที่ถวิลหามานาน
และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ตรีสรายึดมั่นก็ว่าได้ ในฐานะสรวงสวรรค์ที่แสนสงบ พร้อมจิตสำนึกถึงสิ่งแวดล้อมที่เราอยากยกให้เป็นแบบอย่างและบรรทัดฐานของภูเก็ต
จองโรงแรมตรีสรากับ 'มิชลิน ไกด์' →
ภาพเปิด — Trisara, ภูเก็ต