งานปัจฉิมบทของ “มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์” แห่งปี 2563 ครั้งนี้ถือเป็นการจับมือร่วมงานเพื่อถ่ายทอดรสชาติแบบไทย ๆ ระหว่างสองเชฟเป็นครั้งแรก เพื่อนำเสนอมุมมองที่ต่างมุมต่ออาหารไทย นำโดยเชฟต้อย-พิไลพร คำหนัก แห่งร้านเสน่ห์จันทน์ (รางวัลหนึ่งดาวมิชลิน คู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ปี 2563) และเชฟเบิ้ม-ชยวีร์ สุจริตจันทร์ แห่งร้านสระบัว บาย กิน กิน (รางวัลหนึ่งดาวมิชลิน คู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ปี 2563)
ความสนใจในศาสตร์การทำอาหารของเชฟเบิ้ม-ชยวีร์ สุจริตจันทร์ ทำให้เขาหันเหจากสายอาชีพด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ที่เขาเชี่ยวชาญเมื่อครั้งสมัยทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาประเทศไทยเชฟเบิ้มเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานครัวด้วยการทำงานในโรงแรมชั้นนำของกรุงเทพฯ หลายแห่ง ก่อนนำประสบการณ์อันเข้มข้นมานำทัพทีมครัวมากฝีมือแห่งร้านสระบัว บาย กิน กิน สาขากรุงเทพฯ ร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการเสิร์ฟอาหารสไตล์โมเลคูลาร์ที่เรียกเสียงฮือฮาและคำชมนับตั้งแต่ร้านกิน กิน สาขาแรกในโคเปนเฮเกน
“การได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารใหม่ ๆ เพื่อนำมารังสรรค์เมนูนั้นเป็นเรื่องสนุกเสมอ” เชฟเบิ้มบอกกับเราถึงการจับมือร่วมกันในงานมิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ครั้งนี้ สำหรับเชฟชาวไทยผู้นี้ ศาสตร์โมเลคูลาร์ถือเป็นทางถนัดของเขานับตั้งแต่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพ่อครัวแห่งร้านสระบัว บาย กิน กิน และนี่เองที่ทำให้การพบกันของสองเชฟเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง “เราทั้งคู่ต่างก็หลงรักอาหารไทย แต่เรามองต่างมุมในด้านการนำเสนอ นั่นทำให้อาหารที่ออกมายิ่งน่าสนใจขึ้นอีก” เชฟเบิ้มกล่าว
ขณะที่ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ผสานกับใจรักในอาหารไทยดั้งเดิมของเชฟต้อย-พิไลพร คำหนัก ทำให้อาหารของเธอที่ร้านเสน่ห์จันทน์คือการนำรสชาติแบบไทยแท้ที่คนอาจหลงลืมหรือไม่เคยลิ้มลองมาก่อนมานำเสนออย่างงดงามผ่านรสชาติอันละเอียดอ่อนและฝีมืออันประณีตขึ้นชื่อ แต่ใช่ว่าเชฟต้อยจะทำอาหารตามสูตรดั้งเดิมเสมอไป เชฟหญิงชาวไทยยังปรุงใส่ความน่าสนใจด้วยการนำพื้นฐานอาหารฝรั่งเศสมาสอดแทรกเข้าไปได้อย่างแยบยลจนออกมาเป็นเมนูอาหารไทยที่น่าค้นหาไม่แพ้กัน
สำหรับเชฟต้อย เธอมองว่าการได้ร่วมงานกับเชฟเบิ้มถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่เพื่อมองอาหารไทยในแง่มุมที่ต่างออกไป ทั้งยังถือเป็นความท้าทายและเป็นเรื่องสนุกในการจัดเรียงรสชาติอันละเอียดอ่อนตามตำรับอาหารไทยดั้งเดิมให้มาเข้าคู่กับรสชาติไทย ๆ ที่ปรุงด้วยกรรมวิธีล้ำสมัย “เรานำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทยผ่านการจัดเรียงรสชาติอันประณีต โดยเราทั้งคู่จะสลับกันเล่าเรื่องราวของสยามประเทศผ่านกาลเวลาแห่งรสชาติในมุมของทั้งสองผ่านคอนเซปต์ Siam’s Gastronomic Time Travel’” เชฟต้อยกล่าวปิดท้าย
เชฟทั้งสองท่านจะนำเสนออาหารไทยในมิติที่แตกต่าง โดยมีอาหารเรียกน้ำย่อย 2 จาน และอาหารจานหลัก 5 จานด้วยกัน ติดตามกันได้ที่งานมิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ ครั้งปัจฉิมบทแห่งปี ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 และที่ร้านเสน่ห์จันทน์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 โดยจัดเป็นไพรเวตอีเวนต์สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรเชิญ
GranMonte NV Crémant Méthode Traditionnelle Extra Brut
Thai Lobster Ceviche, Lime Chilli Sorbet, and Coconut Snow (Sra Bua by Kiin Kiin)
2ND COURSE
Bird-shaped Dumplings Filled with Fish and Crabmeat with Steamed Flour (Saneh Jaan)
GranMonte 2019 Gradient Verdelho
3RD COURSE
Traditional Clear Soup with Freshwater Fish, Prawn, Cucumber, Mango, and Pickled Garlic (Saneh Jaan)
4TH COURSE
Yellow Curry Crabmeat, Corn, and Pickled Turmeric (Sra Bua by Kiin Kiin)
GranMonte 2019 Viognier
5TH COURSE
Australian Lamb Rack with Sinhala Curry Sauce and Fragrant Yellow Rice (Saneh Jaan)
GranMonte 2017 The Orient Syrah
DESSERT
Orange Cake Flambé with Passion Fruit Foam, Vanilla Ice Cream in Coconut Dome (Sra Bua by Kiin Kiin)
GranMonte 2019 Bussaba Natural Sweet Wine
Accompanied by evian and Ferrarelle
Nespresso Coffee Selections:
Espresso “Espresso Leggero”. Cappuccino “Espresso Forte”,
and Decaf “Espresso Decaffeinato"
Mariage Frères Tea Selections:
THÉ SUR LE NIL - Fruity & Lemony Green Tea
ROUGE MÉTIS - Red & Black Fruits with Mild Flowers Red Tea (Caffeine Free)
รีวิวร้านสระบัว บาย กิน กิน (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) จากผู้ตรวจสอบมิชลิน
บรรดานักชิมในกรุงเทพฯ ชอบแสวงหารสชาติแปลกใหม่แบบไร้ขอบเขตและร้านอาหารที่งดงามแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่นำเสนอนวัตกรรมอาหารไทยล้ำสมัย แนะนำ “The Journey” เซตเมนู 8 คอร์ส ที่จะเปิดประสบการณ์สุดล้ำของศิลปะการปรุงอาหารที่ยังคงรักษาความเป็นไทยในรสชาติและวัตถุดิบ แต่มีการตีความใหม่และรังสรรค์ให้กลายเป็นอาหารสุดครีเอทที่มีเอกลักษณ์ด้วยแรงบันดาลใจจากเทคนิคการปรุงของ Kiin Kiin จากโคเปนเฮเกน