สิ่งที่น่าสนใจ 2 minutes 09 มิถุนายน 2021

6 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ 'มิชลิน เฮาส์'

พาคุณไปค้นพบประวัติศาสตร์ของอาคารบิเบนดัม หนึ่งในอาคารที่โดดเด่นที่สุดในเชลซี

มิชลิน เฮาส์ (Michelin House) ตั้งอยู่บนเลขที่ 81 ถนนฟูลัม ในเขตเชลซี เมืองลอนดอน และเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร ‘บิเบนดัม’ และบาร์หอยนางรมของคลอด โบซี (Claude Bosi) 

นี่คือหกสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้

อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2454 โดยบริษัทผลิตยางรถยนต์มิชลิน

00053795_hd.jpg

เดิมมิชลิน เฮาส์ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสำนักงานใหญ่ประจำสหราชอาณาจักร และได้เปิดทำการในปี พ.ศ. 2454 อาคารแห่งนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยฟรองซัว เอสปินาส (François Espinasse) พนักงานคนหนึ่งของมิชลิน (ที่ร่วมงานกับมิชลินระหว่างปี 2423-2468) และนับเป็นส่วนหนึ่งในโครงการขยายแบรนด์มิชลินให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ด้านหน้าของอาคารสไตล์อาร์ตเดโคแห่งนี้ เดิมใช้เป็นสถานที่เปลี่ยนยางสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนและยังเป็นสถานที่จัดจำหน่ายยาง รวมถึงสำนักงานท่องเที่ยวสำหรับนักเดินทางเพื่อวางแผนการเดินทางสัญจรอีกด้วย

คู่มือ 'มิชลิน ไกด์' ฉบับแรกแห่งเกาะอังกฤษได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2454 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเดินทางมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดขายรถยนต์ รวมถึงยางรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น คู่มือนี้ยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร หรือห้องพัก

หนึ่งในโรงงานประกอบยางรถยนต์ที่มิชลิน เฮาส์เมื่อราว ๆ ปี 2455
หนึ่งในโรงงานประกอบยางรถยนต์ที่มิชลิน เฮาส์เมื่อราว ๆ ปี 2455

สถาปัตยกรรมของมิชลิน เฮาส์สะท้อนให้เห็นถึงการโฆษณาที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ที่มิชลินใช้เพื่อโปรโมตแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของตน ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างกระจกสี เซรามิก ชิ้นงานที่ทำจากเหล็ก ทุกอย่างยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และการก่อสร้างอาคารที่ประสบความสำเร็จนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายตัวของแบรนด์ในระดับนานาชาติมาจนถึงทุกวันนี้

รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัวบิเบนดัม

00006472.jpg

บิเบนดัมหรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม ‘บิบ’ หรือ ‘มิชลิน แมน’ มีต้นกำเนิดในช่วงทศวรรษที่ 1890 (ราว ๆ พ.ศ. 2433) โดยพี่น้องตระกูลมิชลิน พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาสคอตที่โด่งดังนี้จากกองยางที่ทับซ้อนกัน (ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นสีขาวนั่นเอง)

เมื่อสังเกตให้ดีจะพบว่าในโฆษณาของมิชลิน บิเบนดัมจะชูแก้วที่มีคำว่า 'Nunc est Bibendum' ซึ่งเป็นภาษาละตินที่แปลว่า 'ได้เวลาดื่มฉลองแล้ว' ถ้วยของเขาเต็มไปด้วยตะปูและเศษแก้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่ายางมิชลินแข็งแกร่งและทนทานต่อการเจาะและการเสียดทานเพียงใด

มิชลิน เฮาส์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสรรเสริญความรุ่งโรจน์ของยางรถยนต์และมิชลิน แมน โดยมีพื้นกระเบื้องโมเสกเป็นภาพบิเบนดัมกำลังชูแก้ว นอกจากนี้เมื่อมองออกไปรอบ ๆ คุณจะพบกับกระจกสีรูปบิเบนดัมในชุดนักมวย หรือนักปั่นจักรยานและคีบซิการ์อยู่ในมือ กระเบื้องเซรามิกบนผนังจะพาคุณย้อนอดีตไปสู่การแข่งรถในยุคแรก ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงหลังคาโดมที่ขนาบข้างอาคารสองด้านที่ดูเหมือนกองยางที่เรียงซ้อนกัน

กระจกสีถูกถอดออกไปในช่วงสงคราม

ในช่วงทศวรรษ 1930 (ราว ๆ ปี พ.ศ. 2473 – 2482) แม้ว่ามิชลินจะยังคงใช้งานบางส่วนของอาคารมิชลิน เฮาส์ แต่สำนักงานใหญ่ก็ถูกย้ายไปที่ไปที่สโต๊ค-ออน-เทรนต์ (Stoke-on-Trent) หน้าต่างกระจกสีได้ถูกถอดออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากการระเบิดในช่วงสงคราม

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง มิชลินได้ย้ายสำนักงานใหญ่กลับไปที่ลอนดอน แต่บริษัทไม่ได้ถือครองอาคารแห่งนี้อีกต่อไป และได้ปล่อยให้เช่าพื้นที่บางส่วน

การขึ้นทะเบียนอาคาร

ในปีพ.ศ. 2512 ถนนฟูลัมซึ่งตัดกับส่วนหน้าของอาคารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติเกรด II ของประเทศอังกฤษ

อาคารแห่งนี้ถูกขายไปในปี 2528

ในปี พ.ศ. 2528 สำนักงานใหญ่ของมิชลินได้ย้ายไปอยู่ที่สโต๊คโดยสมบูรณ์ บริษัทได้ขายมิชลิน เฮาส์ให้กับบรรณาธิการ ลอร์ด พอล แฮมลิน (Lord Paul Hamlyn) และนักออกแบบร้านค้าปลีกและภัตตาคารอย่างเซอร์ เทอเรนซ์ คอนแรน (Sir Terence Conran) ในราคา 8 ล้านปอนด์ ต่อมาพวกเขาได้ต่อเติมและปฏิสังขรณ์อาคารโดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมหลายอย่าง รวมถึงใช้ภาพวาดและภาพถ่ายเพื่อสร้างแบบจำลองของหน้าต่างและโดมอีกด้วย

ในปี พ.ศ. 2530 มิชลิน เฮาส์ได้เปิดให้บริการอีกครั้ง ด้วยการผสมผสานระหว่างพื้นที่สำนักงาน ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและบาร์หอยนางรมอย่างลงตัว อาคารแห่งนี้ใช้ชื่อว่า ‘บิเบนดัม’ เพื่อแสดงความเคารพต่อมิชลิน แมน โดยมีเชฟประจำร้านอย่างไซมอน ฮอปกินสัน (Simon Hopkinson) ที่พร้อมนำเสนออาหารคุณภาพเยี่ยมแก่นักชิม ในไม่ช้าร้านอาหารแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่ทันสมัยและเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม

ในปี พ.ศ. 2537 ฮอปกินสันได้ออกจากครัวและผันตัวไปเป็นนักเขียนด้านอาหาร แม้จะกลายเป็นผู้จัดรายการโทรทัศน์ในเวลาต่อมา เขายังคงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาและดูแลผลประโยชน์ของร้านจนถึงช่วงปลายทศวรรษ

ได้รับรางวัลระดับสองดาวมิชลินในปี 2561

ในปี 2560 คลอด โบซีได้ร่วมมือกับไมเคิล ลูกชายของเซอร์ เทเรนซ์ และพอล แฮมลินเพื่อเปิดร้านอาหารบิเบนดัมขึ้นอีกครั้ง และในปี 2561 ร้านอาหารแห่งนี้ก็ได้รับรางวัลระดับสองดาวมิชลิน และยังคงรักษารางวัลดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้

อาหารของโบซีแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในความเป็นฝรั่งเศสที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นและฝีมือการทำอาหารของเขา เราขอแนะนำเมนูคลาสสิกอย่างกระต่ายเมืองเบรสต์กับกุ้งลองกูสตินและอาร์ติโชค บาริกูล (artichoke barigoule) และตูร์โบต์ อะ ลา เกรอนอบลวส (turbot à la Grenobloise) และปิดท้ายด้วยของหวานที่พลาดไม่ได้อย่างซูเฟล่ช็อกโกแลต 

แม้ว่ามิชลินจะไม่ได้เป็นเจ้าของอาคารแห่งนี้อีกต่อไป แต่กลิ่นอายความเป็นมิชลินยังคงอบอวลอยู่ทุกที่ ตั้งแต่หน้าต่าง ภาพศิลปะ จานใส่เนย ไปจนถึงกระปุกเกลือและพริกไทย


อ่านเกี่ยวกับประวัติและเรื่องราวของ 'มิชลิน ไกด์' ได้ที่นี่

สิ่งที่น่าสนใจ

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ