บทสัมภาษณ์ 3 minutes 08 ธันวาคม 2022

คุยเรื่อง “การบริการอย่างไทย” กับคุณอุทิศ สองโท ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Service Award คนล่าสุด

งานบริการแบบคนไทยเด่นอย่างไร? ไปหาคำตอบกับคุณอุทิศกัน

ในงานประกาศผลรางวัลดาวมิชลินประจำปี 2566 ล่าสุดที่เพิ่งจบไป เสียงปรบมือแสดงความยินดีดังไปทั่วเมื่อพิธีกรประกาศชื่อผู้ชนะรางวัล MICHELIN Thailand Service Award Presented by the Tourism Authority of Thailand และเขาเป็นคนไทยคนแรกที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี

เราชวนคุณไปนั่งคุยกับคุณอุทิศ สองโท ผู้จัดการร้านอาหารบ้านพระยา เรื่องการบริการที่ใส่ไมตรีจิตอย่างไทยลงไป ซึ่งมอบความปลาบปลื้มและประทับใจให้แก่ทั้งลูกค้าและผู้ให้บริการ

แม้จะมีอาหารรสเลิศอยู่ตรงหน้า แต่ประสบการณ์การรับประทานอาหารนอกบ้านอาจครบสมบูรณ์แบบไม่ได้เลยหากปราศจากการบริการที่รู้งานและเอาใจใส่ ซึ่งอุทิศ สองโท ผู้จัดการร้านอาหารบ้านพระยา (ร้านที่มีชื่อติดอยู่ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2566) คือผู้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ห้องอาหารไทยแห่งใหม่ของโรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ​ คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Service Award Presented by the Tourism Authority of Thailand มาครองได้สำเร็จทั้ง ๆ ที่ร้านนี้เพิ่งเปิดบริการมาได้เพียงไม่นาน ว่าแต่อะไรคือสิ่งที่มัดใจผู้ตรวจสอบของมิชลินกัน

เราชวนเขาคนนี้มาพูดคุยถึงนิยามของการบริการที่ดี รวมถึง “การบริการอย่างไทย” ว่ามีเอกลักษณ์และความหมายอย่างไร จึงเป็นที่ชื่นชมของคนทั่วโลก


รอยยิ้มอบอุ่นของคุณอุทิศ (© MICHELIN Guide Thailand)
รอยยิ้มอบอุ่นของคุณอุทิศ (© MICHELIN Guide Thailand)

รู้สึกอย่างไรเมื่อทราบว่าได้รับรางวัล Service Award
"ผมยังรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และภูมิใจไม่หายเลยครับ เพราะร้านบ้านพระยาเพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่นานนัก นี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังกันไว้เลย ถ้าให้พูดจริง ๆ ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน รางวัลนี้ไม่ใช่ความสำเร็จของตัวผมแค่คนเดียว แต่เป็นของทีมงานบ้านพระยาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายครัวหรือฝ่ายเซอร์วิซ รวมไปถึงโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ที่คอยให้การสนับสนุนพวกเราด้วย ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะพวกเรารักในสิ่งเดียวกัน นั่นคือการบริการ เราจึงดีใจและภูมิใจกับรางวัลนี้กันมากครับ"

การมีรางวัล Service Award มีผลดีอย่างไรสำหรับคนที่ทำงานในสายงานบริการอย่างคุณ
"ผมคิดว่าการมีรางวัลนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคนที่ทำงานบริการอย่างเราได้รับการมองเห็นความสำคัญ และเป็นแรงจูงใจให้เราอยากทำงานมอบการบริการให้ดีขึ้น เพื่อมอบความประทับใจและความสุขให้แก่ลูกค้า"

คุณเริ่มต้นสนใจงานบริการมาตั้งแต่เมื่อไร
"ย้อนกลับไปเมื่อราว 16-17 ปีก่อน ตอนนั้นผมเรียนจบและมาเริ่มงานเป็นพนักงานรายวันในแผนกจัดเลี้ยงของโอเรียนเต็ล ผมยังจำตอนแรก ๆ ที่ให้บริการเสิร์ฟอาหาร จัดค็อกเทล งานแต่งงาน งานกาลาดินเนอร์ ฯลฯ ในสมัยนั้นได้อยู่เลย ซึ่งผมเองก็ค่อย ๆ เรียนรู้และเติบโตในสายงานบริการของเราไป อันที่จริงผมลาออกจากโรงแรมไปช่วงหนึ่งเพื่อไปบวช แต่ก็กลับมาร่วมงานกับทางโรงแรมใหม่ หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเวียนไปทำงานตามห้องอาหารต่าง ๆ ภายในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นอาหารนานาชาติ อาหารอิตาเลียน ฯลฯ​ เรียกได้ว่าชีวิตนี้คลุกคลีอยู่กับการให้บริการมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็ประจำอยู่ที่ Le Normandie by Alain Roux (รางวัลสองดาวมิชลิน) และเมื่อโรงแรมจะเปิดห้องอาหารไทยบ้านพระยา ผมจึงได้รับความไว้วางใจให้มารับตำแหน่งผู้จัดการห้องอาหารไทยแห่งนี้ คอยต้อนรับทุกคนที่มายัง 'บ้าน' ของเราครับ"

สิ่งที่ชอบที่สุดในสายงานบริการคืออะไร
"หลายอย่างมากครับ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลแขกที่มายัง 'บ้าน' ของเรา ไม่ว่าลูกค้าจะมากันหนึ่งคน มาเป็นคู่ มากับเพื่อน ๆ มาเป็นกลุ่ม เป็นครอบครัว หรือมาเป็นกลุ่มจัดเลี้ยงบริษัท การบริการก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ที่จะสนุกและเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของงาน นอกจากนี้การมีทีมงานที่ดี คอยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะในหมู่ทีมบริการหรือทีมในครัวก็ตาม การทำงานช่วยเหลือกันเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าเป็นทั้งความสนุกและความท้าทายสำหรับงานของเราครับ"

ทีมงานเบื้องหลังร้านบ้านพระยา (© Baan Phraya)
ทีมงานเบื้องหลังร้านบ้านพระยา (© Baan Phraya)

การบริการที่ดีสำหรับคุณคืออะไร
"ผมคิดเสมอว่าก่อนที่จะทําให้คนอื่นมีความสุขได้ เราต้องทำตัวเองให้มีความสุขก่อน ถ้าเราไม่มีความสุข เราก็จะให้บริการที่ดีและมอบความสุขให้แก่ลูกค้าไม่ได้ ผมคิดว่าการบริการที่ดีนั้นเริ่มที่ใจของเรา ถ้าเรารู้สึกสดชื่น มีความสุข แล้วสื่อสารตรงนั้นออกไปจากใจ ลูกค้าที่รับบริการจากเราย่อมสัมผัสได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวคนไทยอยู่แล้ว เป็น 'การบริการอย่างไทย' หรือ 'Thai Hospitality' ที่คนไทยเราขึ้นชื่อกันอยู่แล้ว"

เอกลักษณ์ของ “การบริการอย่างไทย” หรือ “Thai Hospitality” เป็นอย่างไร
"ไทยเราเป็นสยามเมืองยิ้มใช่ไหม และเราก็ขึ้นชื่อเรื่องการยิ้มแย้ม อ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะกันอยู่แล้ว เช่น การไปลามาไหว้ เป็นสิ่งที่ชาวไทยเราทํากันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปเจอญาติผู้ใหญ่หรือมิตรสหายรุ่นเดียวกัน เวลาให้บริการเราจึงทำด้วยรอยยิ้มที่มาจากใจ และเวลาแขกไปใครมาคนไทยก็ต้อนรับอย่างญาติสนิทมิตรสหาย แขกไปใครมาก็อยากมอบรอยยิ้ม สร้างความประทับใจให้ ก็เหมือนกับเวลาที่ลูกค้ามาใช้บริการ ถ้าเราคิดว่าเขาเป็นญาติมิตรและให้การต้อนรับจากใจแบบนี้ ทุกอย่างก็จะออกมาดี และผู้ที่ได้รับบริการจะสัมผัสได้เอง ซึ่งนั่นคือเอกลักษณ์ของ 'การบริการอย่างไทย' หรือ 'Thai Hospitality' ครับ"

ความทรงจำที่น่าจดจำหรือน่าภาคภูมิใจที่สุดในการทำงานของคุณเกิดขึ้นตอนไหน และเป็นอย่างไร
"มีหลายเหตุการณ์มากครับ อย่างครั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่บ้านพระยานี้เอง มีลูกค้าท่านหนึ่ง ท่านเป็นคุณปู่ผู้สูงอายุมากแล้ว เราก็ให้บริการของเราไปอย่างปกติทุกวัน แต่ตอนจะกลับลูกค้าท่านนี้ก็กรุณาบอกกับเราว่า 'ขอบคุณมากที่ดูแลฉันวันนี้ แล้วฉันจะกลับมาอีก ขอบคุณจริง ๆ ฉันมีความสุขมาก ไม่เคยมีใครดูแลฉันดีแบบนี้มาก่อนเลย' ซึ่งสำหรับคนที่ทำงานบริการอย่างพวกเรา การมีใครสักคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนมาพูดกับเราแบบนี้ ทำให้เราเองก็รู้สึกประทับใจเช่นกัน ทำให้รู้สึกว่างานของเรามีความหมาย"

อยากฝากอะไรถึงคนที่ทำงานสายบริการเช่นเดียวกันกับคุณ
"สิ่งที่ผมอยากฝากถึงทุกคนที่ทำงานบริการเหมือนกันก็คือ อย่าจมอยู่กับความรู้สึกไม่ดีหรือน้อยใจหากถูกลูกค้า หัวหน้า หรือใครก็ตามตำหนิ แต่ให้นำคำเหล่านั้นมาเป็นแรงกระตุ้นให้เราปรับปรุง และนำคำชมมาเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น"

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณเมื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้านคืออะไร
"ผมว่าคือการได้ไปอยู่ในบรรยากาศที่มีการพบปะสังคมกับผู้อื่น เช่น ไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไปใช้เวลาดี ๆ กับครอบครัวที่เรารัก ไปทำความรู้จักผู้คนใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนทัศนคติ ซึ่งในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเช่นนี้ สายงานบริการอย่างเราคือผู้ที่ทำหน้าที่สำคัญในการสร้างช่วงเวลาพิเศษนี้ให้แก่ลูกค้าทุกคนครับ"


บทสัมภาษณ์

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ