ในงานประกาศผลรางวัลมิชลิน ไกด์ ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว มีเชฟหน้าใหม่ 2 รายที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก คนแรกคือเชฟการิมา อะโรรา (Garima Arora) จากร้าน Gaa เธอเป็นเชฟหญิงชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน ส่วนร้าน PRU (พรุ) ที่เชฟจิม โอฟอสต์ (Jim Ophorst) ดูแลก็เป็นร้านเดียวในภูเก็ตที่ได้ติดดาวอันทรงเกียรติ เชฟทั้ง 2 คนจะนำประสบการณ์ต่างขั้วมาร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารที่จะทำให้ 2 ค่ำคืนปลายเดือนส.ค.สว่างวาบ
เชฟการิมาเกิดและเติบโตในนครมุมไบ เริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็นผู้สื่อข่าวก่อนตัดสินใจเปลี่ยนสายอาชีพด้วยการลงเรียนที่สถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ กรุงปารีส จากนั้น เธอได้ออกเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเชฟฝีมือระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชฟกอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) เชฟเรเน่ เรดซิพี (René Redzepi) และเชฟกากั้น อนันต์ (Gaggan Anand) ก่อนได้เปิดร้านของตัวเองในซอยหลังสวน
เชฟจิมกล่าวถึงเชฟการิมาว่า “เธอเป็นเชฟที่เก่งมากครับ แต่ถ่อมตัวเสมอ มันไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงจากอินเดียจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่เธอก็มุ่งมั่นและทำในสิ่งที่คิดว่าใช่มาตลอด มันน่าทึ่งมาก เธอสมควรได้รับรางวัลและชื่อเสียงต่าง ๆ จริง ๆ ครับ”
เชฟจิม หรือที่หลายคนเรียกว่าเชฟจิมมี่มาจากเมืองฮันสลาส์ไดจค์ (Honselersdijk) ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเปิดร้าน PRU ในปีพ.ศ.2559 ด้วยแนวคิดที่ว่าอาหารทุกจานควรรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น 100% เชฟจิมเชื่อในความหลากหลายของวัตถุดิบไทย และลงทุนปลูกพืชผักมากมาย ๆ ด้วยตนเอง เพื่อนำเสนอรสชาติท้องถิ่นในรูปแบบร่วมสมัย
เชฟการิมาก็ประทับใจเชฟจิมไม่แพ้กัน “เชฟจิมมี่เรียกได้ว่าเป็นเชฟที่ทุกคนในวงการให้ความนับถือค่ะ เขาขึ้นชื่อในเรื่องความใจเย็น แถมสร้างสรรค์และแก้ปัญหาเก่ง ฉันตื่นเต้นและนับวันรอที่จะได้ร่วมงานและเรียนรู้จากเขามากค่ะ”
เชฟทั้งสองจะนำความถนัดและประสบการณ์มาร่วมกันรังสรรค์คอร์สที่ชื่อว่า “Playing with Fire” เชฟจิมมี่อธิบายว่า “เราทั้งคู่ชอบทำอาหารด้วยเตาฟืนครับ เลยนำมาเป็นแนวคิดหลักของคอร์สอาหารในงานสุดพิเศษนี้ แล้วเตาที่ร้าน Gaa ยังสวยน่าใช้มากด้วยครับ”
เชฟการิมาเสริมว่า “ร้าน Gaa รังสรรค์อาหารด้วยเตาฟืนเพื่อรำลึกถึงอินเดียบ้านเกิดของฉัน แต่รสชาติอาหารที่ออกมาไม่ได้เป็นแบบอินเดียสักเท่าไหร่ ความสนุกและน่าสนใจจึงอยู่ที่การนำเอากลิ่นและรสของไม้และถ่านมาผสานกับเมนูต่าง ๆ โดยที่แขกต้องรับรู้ได้ แม้ไม่ได้มานั่งดูพวกเราในครัว”
ร้าน Gaa ภูมิใจนำเสนอเมนู Beef and Grilled Milk Skin ซึ่งคิดค้นขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ “จานนี้ถือเป็นเมนูที่แสดงศักยภาพการรังสรรค์อาหารผ่านเตาฟืนได้อย่างงดงามค่ะ แขกจะสัมผัสได้ถึงวัตถุดิบที่นำไปรมควัน พร้อมความอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน” นอกจากนี้ เชฟการิมายังจะเสิร์ฟเมนูจากขนุนดิบย่างที่คนทานมังสวิรัติมักกล่าวถึงอย่าง Jackfruit and Pickles อีกด้วย โดยเมนูนี้ เชฟจิมมี่เป็นคนเรียกร้อง
“ผมว่าเราทั้งคู่ชอบนำผักและผลไม้มานำเสนอครับ ผมอยากทำอาหารด้วยขนุนมานานแล้ว เลยขอให้เธอนำเมนูยอดฮิตนี้มาเป็นจานหลัก” เชฟจิมมี่ยังกล่าวถึงเมนูที่เขาจะร่วมรังสรรค์ด้วย “Burned Leek ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจะกลับมาอีกครั้งครับ ทุกคนชื่นชอบเมนูนี้มากตอนที่ร้าน PRU เสิร์ฟเป็นเมนูประจำฤดู และอีกเมนูที่แขกในงานจะได้ลิ้มลองคือ Roasted Surat Thani River Prawn ผมรู้จักกุ้งชนิดนี้ตอนที่ไปเยี่ยมบ้านเกิดภรรยา แล้วเธอพาผมไปทานอาหารที่ร้านริมแม่น้ำ ทางร้านจับกุ้งจากแม่น้ำสด ๆ แล้วย่างให้เราทานตรงนั้นเลย ผมใช้กุ้งจากแม่น้ำสายเดียวกันเลยครับ เอามาย่างให้สุก ไม่ปรุงแต่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มที่ทำจากวัตถุดิบที่หาได้ในบริเวณแม่น้ำดังกล่าว”
นอกจากเมนูที่กล่าวมาแล้ว แขกในงานจะได้ตื่นตาตื่นใจกับรสชาติแปลกใหม่ ทั้งจากวัตถุดิบหายากอย่างเม็ดกระบก (อัลมอนด์อีสาน) กระบวนการหมักวัตถุดิบสูตรเฉพาะ และของหวานที่ไม่มีใครเคยทำอย่างทาร์ตสาหร่ายผสมม่อนไข่และมะนาวคาเวียร์
งาน “มิชลิน ไกด์ ไดน์นิ่ง ซีรี่ย์” ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ร้าน Gaa ระหว่างวันที่ 21 และ 22 ส.ค. 2562 เปิดให้เข้าร่วมเฉพาะแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้น