สกลนคร หนึ่งในจังหวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภาคอีสานของประเทศไทย มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี
ด้วยเหตุนี้สกลนครจึงมีวัฒนธรรมและประเพณีที่หยั่งรากลึกครอบคลุมทั้งพื้นที่ เบื้องหลังเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในหลากหลายแง่มุมที่น่าสนใจนั้น ได้รวมไปถึงความน่าค้นหาของอาหารถิ่นที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น
การไปเที่ยวจังหวัดสกลนคร สามารถเดินทางได้สะดวกสบายโดยเครื่องบิน รถยนต์ หรือรถโดยสารประจำทาง
ของอร่อยถิ่นหนองหาน
ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้โด่งดังทางด้านอาหารประเภทเนื้อสเต็ก แต่ชาวไทยส่วนหนึ่งต้องเคยได้ลองลิ้มรสเนื้อโคขุนโพนยางคำที่มีชื่อที่สุด แหล่งกำเนิดของเนื้อชนิดนี้มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดสกลนคร “โพนยางคำ” เป็นแหล่งผลิตเนื้อโคขุน ที่ปราศจากสารเคมี การเลี้ยงดูที่ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้อาหารธรรมชาติอย่างหญ้าสดและหญ้าแห้ง รวมถึงเมล็ดธัญพืช ที่มีส่วนเสริมให้ได้เนื้อที่นุ่มหอมหวาน และมีมันแทรกเป็นลายสวย รสชาติอร่อยโดยไม่ต้องปรุงแต่งมาก นอกจากนี้แล้ว การดูแลรักษาสภาพแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดพื้นเป็นประจำ การอาบน้ำ แปรงขน เป็นผลให้โคเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น ย่นระยะเวลาการเลี้ยงจาก 1 ปี เหลือประมาณ 8-9 เดือน ท่านสามารถแวะมาชิมเนื้อโพนยางคำได้ เพียงระยะทางแค่ 14 กิโลเมตรจากอำเภอเมือง ตามเส้นทางสายสกลนคร-นาแก ก็จะถึงหมู่บ้านโพนยางคำ ซึ่งจะพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายเนื้อโคขุนโพนยางคำตลอดสองข้างทาง รวมถึงร้านอาหารที่มีเนื้อโคขุนโพนยางคำให้เลือกชิม ทั้งเมนูแบบท้องถิ่น หรือแบบสากล
มาเยือนถิ่นอีสานต้องชมงานฝีมือ หนึ่งในนั้นคือ ผ้าย้อมคราม สกลนครมีหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่งที่มีชื่อในการทำผ้าย้อมคราม ซึ่งครามนั้นเป็นพันธุ์ไม้พุ่มขนาดเล็กขึ้นอยู่ตามป่าโปร่งทางภาคอีสาน ผู้ที่สนใจเรียนรู้การทำผ้าย้อมคราม สามารถเดินทางไปชมได้ที่ชุมชนผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย เป็นหมู่บ้านที่ได้รับการยกย่องว่าทำผ้าย้อมครามได้ดีที่สุด อีกทั้งรูปแบบของผลิตภัณฑ์จากผ้าครามก็สวยเก๋สวมใส่สบายตามสไตล์ไทยเท่
ผ้าทุกผืนที่อยู่ระหว่างการทอและการย้อมของที่นี่ทั้งหมด ถูกจองไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ท่านที่สนใจสินค้าชิ้นไหน ต้องแจ้งรูปแบบและรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อทางร้านจะจัดส่งสินค้าให้ทางไปรษณีย์ หรือจะกลับไปรับด้วยตนเองในภายหลัง นอกเหนือจากบ้านดอนกอยแล้ว ถนนผ้าคราม บริเวณหน้าวัดพระธาตุเชิงชุมฯ ยังละลานตาไปด้วยผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ทำจากผ้าย้อมคราม เช่น ชุดทำงาน ผ้าพันคอ กางเกง รวมถึงกระเป๋าเป้ และของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวงกุญแจและอื่น ๆ อีกมากมาย
หลังจากชมและเลือกซื้อผ้าครามแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหาอาหารใส่ท้อง เป็นอาหารท้องถิ่นที่หารับประทานได้เฉพาะที่บ้านกะเลิงเท่านั้น นั่นคือ แกงหวาย เป็นอาหารหลักจานเด็ดที่จะต้องมีอยู่ในสำรับของชาวกะเลิง แต่เดิมนั้นชาวกะเลิงมีถิ่นฐานอยู่ในประเทศลาวบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงก่อนที่จะอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสกลนครบริเวณเทือกเขาภูพาน ชาวกะเลิงจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและผืนป่า ที่เป็นทั้งแหล่งอาหารประเภทเนื้อสัตว์และพืชผักที่นำมาใช้ในการปรุงอาหาร หวายป่าเป็นส่วนสำคัญในการปรุงแกงหวาย ซึ่งนอกจากจะรับประทานกันเองในครอบครัวแล้ว ยังเป็นอาหารที่ทำขึ้นเพื่อร่วมในงานบุญและโอกาสพิเศษต่าง ๆ
หากมองผ่านๆ แกงหวายนั้นมีหน้าตาคล้ายแกงหน่อไม้ แต่ที่จริงแล้วคือ หน่อหวายอ่อนที่นำไปปอกเปลือกและต้มกับซี่โครงหมูและเครื่องแกง สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสขมของหวาย เพียงแต่นำหวายที่ปอกเปลือกแล้วมาแช่น้ำก่อนนำไปปรุงก็จะลดความขมลงได้ แต่เชื่อกันว่ารสขมของหวายนั้นมีคุณสมบัติเป็นยาตามธรรมชาติที่ดีต่อร่างกาย หลังจากนั้นให้นำพริกสด ข้าวเบือ (ข้าวสารแช่น้ำ แล้วนำมาตำให้ละเอียด ใส่ในแกงเพื่อให้มีความข้น) เติมน้ำใบย่านาง ตามด้วยหวายที่ต้มแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ผักพื้นบ้านและใบแมงลัก
อีกหนึ่งจานอร่อยที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ซั่วไก่ เป็นเมนูพื้นเมืองของชาวผู้ไท กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพจากสิบสองจุไทยหรือประเทศเวียดนาม เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร คำว่า “ซั่ว” ในภาษาผู้ไทนั้นหมายถึงอาหารประเภทซุปที่รสชาติจัดจ้าน มีส่วนผสมของเนื้อไก่ที่สับเป็นชิ้นๆ หอมกลิ่นสมุนไพร เช่น ข่า ขิง พริกและหอมแดงย่าง ซั่วไก่ไม่มีรสเปรี้ยวเหมือนกับซุปทั่วไป จะใส่เฉพาะน้ำปลา และน้ำปลาร้าเท่านั้น
นอกเหนือจากอาหารพื้นเมืองอย่าง แกงหวาย หรือ ซั่วไก่แล้ว สกลนครยังมีอาหารเวียดนามที่ขื้นชื่อมาก โดยเฉพาะข้าวเกรียบปากหม้อ ไม่ไกลจากวัดพระธาตุเชิงชุม เราจะเห็นร้านอาหารลูกผสมทางวัฒนธรรมไทย-เวียดนามหลายร้านที่ขายข้าวเกรียบปากหม้อ หรือพิซซ่าเวียดนาม ตัวข้าวเกรียบทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งข้าวเหนียว นำมาราดบนผ้าขาวที่ขึงตึงบนปากหม้อที่มีน้ำเดือดพล่าน แล้วโรยงาขาว พอสุกใส่ไส้หมูสับและหมูยอผัด ปรุงรสได้อย่างกลมกล่อมตามสไตล์อาหารเวียดนาม ห่อให้พอดีคำ ยิ่งโรยหอมเจียวลงไปก็จะยิ่งชูรสชาติของเมนูนี้ให้โดดเด่นขึ้น รับประทานคู่กับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวอมหวานได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
จังหวัดสกลนครเป็นดินแดนแห่งพุทธธรรม โดยมีวัดถ้ำผาแด่น ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน เป็นศูนย์กลางที่สะท้อนให้เห็นถึงแรงศรัทธาในพุทธศาสนา ตัววัดงดงามด้วยงานไม้ ภาพแกะสลักบนหน้าผาเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และภาพแกะสลักที่ถ่ายทอดพุทธประวัติ ระหว่างทางขึ้นชมวัด จะพบลานชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองสกลนครได้กว้างไกล บนเส้นทางขึ้นเขา เราจะถึงวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสกลนคร เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ถึง 4 รอย อันเป็นที่เคารพสักการะของผู้คน และยังสามารถเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อองค์แสน ที่ประดิษฐานภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งสิ่งดีงามทั้งทางโลกและทางธรรม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวสกลนคร คือ ช่วงที่มีงานนมัสการองค์พระธาตุเชิงชุม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนมกราคมของทุกปี
สกลนคร เมืองที่เพียบพร้อมด้วยวิถีแห่งอาหารถิ่น ทำให้คุณตื่นตากับอาหารอร่อยมากมาย ความล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ และสูงส่งด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา เป็นแหล่งผลิตผ้าครามงานฝีมือที่ขึ้นชื่อ และเป็นประตูสู่การเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะสกลนครให้คุณได้มากกว่าที่เห็น
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสกลนคร
1. เยี่ยมชม โฮมครามวารี เพื่อดูวิถีผ้าครามจากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร บ้านโนนเรือสามัคคี
2. ลิ้มลองเนื้อโคขุนโพนยางคำที่ ฟาร์มฮัก โคขุนคุณทอง
3. เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมบ้านโบราณ 100 ปี และโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ที่ชุมชน ท่าแร่
4. พักผ่อนหย่อนใจกับดอกบัวนานาพันธุ์ พร้อมชมแลนด์มาร์ค พญานาคเผือกอุทธยานบัวเฉลิมพระเกียรติ
5. สักการะพระธาตุเชิงชุม แวะชมและเลือกซื้อสินค้า ณ ถนนผ้าคราม
6. ไหว้พระธาตุนารายณ์เจงเวง ชมทับหลังที่มีภาพแกะสลักสวยงาม
7. เที่ยววัดถ้ำผาแด่น บนเทือกเขาภูพานพร้อมชมวิวสกลนครจากมุมสูง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เว็บไซต์ : www.tatcontactcenter.com/en/Main หรือสายด่วน ททท. 1672
