ในเดือนสิงหาคม 2561 นี้ เชฟ Lam Ming Kin จากร้าน Longtail ตั้งใจบินตรงจากกรุงไทเปมาร่วมรังสรรค์เมนูพิเศษร่วมกับเชฟบอย ปิยะชาติ พุทธวงษ์จากร้านเสน่ห์จันทน์ ซึ่งทั้งสองร้านเป็นร้านอาหารที่สามารถคว้ารางวัล 1 ดาวมิชลินประจำปีนี้
ก่อนเป็นที่รู้จักดังทุกวันนี้ เชฟ Lam ฝึกฝนฝีมือและสั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมาหลายปี ไม่ว่าจะที่ร้าน Guy Savoy’s Le Chiberta ที่กรุงปารีส หรือร้าน Jean Georges ในมหานครนิวยอร์ก แน่นอนว่าเขาใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การปรุงอาหารยุโรปชั้นสูงที่ผสานความเป็นเอเชียได้เป็นอย่างดี
เชฟ Lam เล่าว่า “พ่อของผมเป็นเชฟร้านอาหารจีนครับ แม้ท่านจะทำงานหนัก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญเท่าไหร่ ตอนที่ผมบอกท่านว่าอยากเป็นเชฟเหมือนพ่อ ท่านบอกให้ผมไปตั้งใจเรียนหนังสือดีกว่า ผมก็เชื่อฟังและเลือกเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยในไต้หวันได้ประมาณ 2 ปี ก่อนจะตัดสินใจลาออกมาทำตามความฝันในการเป็นเชฟ”
ส่วนเชฟบอยเล่าถึงแรงบันดาลใจในเป็นเชฟว่า “ผมเชื่อว่าอาหารไทยมีเสน่ห์ในหลายด้าน ผมเป็นคนจังหวัดบึงกาฬ สมัยเด็กๆ อาหารทุกจานเราจะใช้แต่วัตถุดิบท้องถิ่น และผมเติบโตมากับคุณยายผู้เป็นอาจารย์วิชาคหเศรษฐศาสตร์ ท่านจึงต้องคอยหาวิธีนำวัตถุดิบมาเพิ่มมูลค่าอยู่เสมอ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรักการทำอาหารมากขนาดนี้ครับ”
การจับมือของเชฟคนละขั้ว
ในการร่วมงานกันครั้งนี้ เชฟบอยจะแสดงทักษะการรังสรรค์อาหารไทยแบบดั้งเดิม ส่วนเชฟ Lam จะแสดงเทคนิคสร้างสรรค์อาหารฟิวชั่นสมัยใหม่ เชฟทั้งสองท่านจะร่วมกันนำเสนอเมนูพิเศษ 1 เมนู เชฟ Lam กล่าวถึงแนวคิดของร้าน Longtail ว่า “อาหารของผมเป็นอาหารร่วมสมัยและผสานสิ่งต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ผมไม่อยากถูกจำกัดด้วยเทคนิคแบบใดแบบหนึ่ง สิ่งที่ผมนำเสนอให้ลูกค้าลิ้มลองก็คือสิ่งที่ผมอยากทานเช่นกัน”
เชฟอีกท่านถือได้ว่าเป็นขั้วตรงข้าม เชฟบอยได้ศึกษาและเรียนรู้อาหารไทยในยุคสมัยต่าง ๆ มาอย่างละเอียด ร้านเสน่ห์จันทร์ขึ้นชื่อเกี่ยวกับการรังสรรค์อาหารตามวิถีไทยแท้ ๆ เชฟบอยกล่าวอย่างมั่นใจและสุขุมว่า “ร้านเสน่ห์จันทร์นำเมนูอาหารไทยที่หลายคนรักและคุ้นเคย มานำเสนออาหารในรูปแบบประณีตพิถีพิถัน และใส่ใจในทุกรายละเอียด ราวกับคุณแม่ที่ตั้งใจทำอาหารให้ลูกๆ ทาน”
เชฟ Lam ที่คุ้นเคยกับอาหารไทยอยู่แล้วเสริมว่า “ผมสนใจและชอบทานอาหารไทยอยู่แล้วครับ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมมือกับเชฟบอยเพื่อรังสรรค์เมนูพิเศษที่หาทานที่ไหนไม่ได้”
เชฟบอยพยักหน้าเห็นด้วย แล้วกล่าวเพิ่มว่า “การนำอาหารร่วมสมัยมาผสมผสานอาหารไทยแท้ ๆ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับเชฟ Lam ในฐานะที่ผมยังเป็นเชฟหน้าใหม่ในวงการ ผมคงได้เรียนรู้จากเขาอีกมาก แล้วเราสองคนจะร่วมมือกันสร้างประสบการณ์ในครั้งนี้ให้ยอดเยี่ยมที่สุด”
เมนูที่ควรค่า
เมื่อเราย้ำถามว่า ผู้เข้าร่วมจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับเมนูอะไรบ้าง เชฟ Lam ก็ยอมกล่าวถึงจานแรก ซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งไทยและไต้หวันเข้าด้วยกัน “ผมจะเสิร์ฟ Kanpachi Crudo เป็น starter โดยใช้ชมพู่พันธุ์ท้องถิ่นจากไต้หวัน ราดด้วยซอสมะขามจากเมืองไทย ผมว่ามันเหมาะกับค่ำคืนเมืองร้อนอย่างกรุงเทพฯ”
ส่วนเมนูที่เชฟบอยยอมเผยก็น่าจะเรียกเสียงฮือฮาจากผู้รักอาหารไทยได้ “ผมคงทำคอร์สที่เป็นแกง คิดว่าในนั้นน่าจะมีเขียวหวานไก่ยัดไส้อยู่ด้วย และรสชาติต้องเป็นแบบไทยแท้ แน่นอน”
Michelin Guide Dining Series ครั้งที่ 3 เปิดให้เข้าร่วมเฉพาะผู้ได้รับเชิญเท่านั้น โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 และ 22 สิงหาคม 2561 ที่ร้านเสน่ห์จันทน์ ในบริเวณกลาสเฮ้าส์ แอท สินธร
รีวิวร้านอาหาร ร้าน เสน่ห์จันทน์ จากผู้ตรวจสอบมิชลิน (ร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน)
ร้านเสน่ห์จันทน์นำเสนออาหารไทยโบราณตำรับชาววังแท้ๆ ละเอียดอ่อนระดับงานฝีมือ และตกแต่งร้านสไตล์ร่วมสมัยซึ่งโอ่โถงด้วยเพดานสูง เสน่ห์จันทน์เสิร์ฟทั้งอาหารไทยโบราณและสำรับไทยที่หารับประทานยาก เช่น แกงรัญจวน สำรับชาววังสมัยรัชกาลที่ 5 แกงมอญหมูย่าง หลนปูกับผักจิ้ม แต่อย่าอร่อยเพลินจนลืมเผื่อท้องไว้ให้ของหวานรสเลิศอย่างข้าวเม่ารางน้ำกะทิ ขนมไทยโบราณทำจากข้าวเม่าคุณภาพดีคั่วให้พองแล้วอบควันเทียนให้หอมกรุ่น
รีวิวร้านอาหาร ร้าน Longtail จากผู้ตรวจสอบมิชลิน (ร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน)
ร้านนี้เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าของร้าน เชฟ Lam Ming Kin ที่ใช้เวลาลับฝีมือในครัวหลายปี เริ่มต้นมื้อค่ำของคุณด้วยการจิบค็อกเทลสุดสร้างสรรค์ที่บาร์ ก่อนเลือกนั่งที่โต๊ะหรือบนเสื่อทาทามิ แล้วพบกับเมนูที่แม้จะใช้วัตถุดิบหลากหลายชนิดจากในเอเชีย แต่ทุกเมนูกลับสื่อได้ถึงนวัตกรรมอาหารจากทั่วโลกได้อย่างสร้างสรรค์ เมนูแต่ละจานอาจดูเรียบง่าย แต่รับรองได้ว่าคุณจะได้รสสัมผัสที่นุ่มลึกและแตกต่างอย่างลงตัวในทุกคำที่ได้ทาน