สองในสามของออกซิเจนบนโลกถูกผลิตขึ้นโดยมหาสมุทร เมื่อได้ยินคำว่า 'การสังเคราะห์แสง' คุณอาจจะนึกถึงพืชพันธุ์ที่อยู่บนบก แต่ออกซิเจนเองก็สามารถผลิตได้จากมหาสมุทรด้วยการสังเคราะห์แสงจากพืชใต้ทะเล
คาร์บอนสีน้ำเงิน
มหาสมุทรดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศซึ่งช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อน สาหร่ายและพืชใต้ทะเลอื่น ๆ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำทะเล และยืมพลังงานจากแสงอาทิตย์มาผลิตอินทรีย์คาร์บอน วัฏจักรอินทรีย์คาร์บอนที่ถูกเก็บไว้เป็นเวลานานในก้นมหาสมุทรนี้เรียกว่า 'คาร์บอนสีน้ำเงิน' ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันภาวะโลกร้อนพลังของสาหร่าย
คอมบุคือสาหร่ายขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงอย่างมาก มันสามารถดูดซับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นสนญี่ปุ่นถึงห้าเท่า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพืชในท้องทะเลสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ บางภูมิภาคได้เริ่มปลูกสาหร่ายคอมบุเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้คอมบุจึงได้รับการคาดหวังในประสิทธิภาพเช่นเดียวกันป่าแห่งท้องทะเล นักปกป้องสิ่งแวดล้อม
คำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดของทิวทัศน์เขียวชอุ่มของแพสาหร่ายคือ 'ป่าแห่งท้องทะเล' มันช่วยปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเลซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาตัวเล็ก ๆ และทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารและวางไข่ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะสลายอินทรียวัตถุและทำให้แหล่งน้ำมีความบริสุทธิ์ ถ้าจะบอกว่าวัฏจักรในสภาพแวดล้อมของคอมบุนั้นช่วยในการดูแลระบบนิเวศก็ไม่ผิดนักคอมบุเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน
ทุกส่วนของคอมบุสามารถรับประทานได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งไป เมื่อแห้งก็สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เนื่องจากมีแร่ธาตุมากมาย เช่น โพแทสเซียมและแคลเซียม จึงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีเยี่ยมสาหร่ายชนิดนี้ยังมีส่วนช่วยในด้านการเกษตร คอมบุที่ไม่ได้ใช้สามารถนำมาเป็นอาหารสำหรับปศุสัตว์ได้ นอกจากนี้ยังให้แร่ธาตุธรรมชาติซึ่งเหมาะแก่การนำมาเป็นปุ๋ยอีกด้วย
คอมบุกับเส้นทางอาหารแห่งอนาคต
เนื่องจากถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทร ญี่ปุ่นจึงได้พัฒนาวัฒนธรรมอาหารโดยใช้คอมบุมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในปี 2556 'วะโชกุ' ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO และคอมบุดาชิก็ได้รับความสนใจจากเชฟทั่วโลก และได้ถูกนำมาใช้กับอาหารหลากหลายเพื่อให้ได้รสชาติใหม่ที่เรียกว่า 'อูมามิ' เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากพืช จึงไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ทานวีแกนและมังสวิรัติคอมบุจะมากอบกู้โลกของเรา
เราสามารถพบคอมบุได้ตามนอกชายฝั่งทั่วโลก แต่อุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้นทำให้ชีวมวลของสาหร่ายลดลง เรียกได้ว่าการโบกสะบัดของคอมบุในมหาสมุทรอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่ควรมองข้ามหากเราคิดว่าจะปกป้องมหาสมุทรและดำเนินการตามนั้นได้อย่างไร เราก็จะสามารถเปลี่ยนอนาคตของโลกได้ แม้ทวีปอาจแยกออกจากกัน แต่มหาสมุทรก็ยังคงเชื่อมต่อโลกทั้งใบไปตลอดกาล