โตเกียวเป็นสวรรค์ของนักช้อป ด้วยความที่อุดมไปด้วยร้านค้าอันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เป็นแหล่งรวมสินค้าชั้นยอด และการบริการลูกค้าอันเป็นที่กล่าวขานของญี่ปุ่น คุณอาจคุ้นเคยกับพลังแห่งความเยาว์วัยและความคิดสร้างสรรค์ของแฟชั่นในย่านชิบูย่า หรือห้างสรรพสินค้าเก๋ ๆ และแบรนด์หรูในกินซ่ากันดีอยู่แล้ว หากรู้หรือไม่ว่าโตเกียวก็มีวัฒนธรรมเสื้อผ้าวินเทจที่เฟื่องฟูมากเช่นกัน
ร้านขายของวินเทจและของมือสองสามารถมอบประสบการณ์การช็อปปิงที่สนุกสนานให้กับผู้มาเยือนด้วยสินค้าที่ไม่ซ้ำใครในราคาสุดคุ้ม ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษ์โลกได้ด้วย แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ชอบกันล่ะ นอกจากนี้แฟชั่นวินเทจยังแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนของกรุงโตเกียว พร้อมด้วยพนักงานร้านค้าที่มีความรู้สูงและมีความหลงใหลในสิ่งที่พวกเขาทำ และหากคุณเดินทางมาจากต่างประเทศ คุณอาจสามารถใช้ประโยชน์จากระบบช็อปปิงปลอดภาษีของญี่ปุ่นได้ที่ร้านค้าวินเทจบางแห่ง ดังนั้นอย่าลืมพกหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย เพื่อการช็อปปิงอย่างสนุกสนาน
ย่านชิโมะคิตาซาวะ (Shimokitazawa)
ชิโมะคิตะซาวะเป็นย่านโบฮีเมียนที่เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับสไตล์วินเทจ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีชิบุยะและชินจูกุเพียงไม่ถึง 10 นาที และไม่ได้มีแค่แฟชั่นเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นย่านที่ดีเยี่ยมสำหรับมองหาหนังสือและแผ่นเสียงมือสองอีกด้วย ชิโมคิตะซาวะ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ชิโมคิตะ’ นั้นดึงดูดทั้งนักศึกษา คนหนุ่มสาว คนทำงานสายสร้างสรรค์ และบรรดานักช้อปสุดเชี่ยวที่บินตรงจากต่างประเทศเพื่อช้อปของวินเทจดี ๆ ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ย่านนี้มีทั้งร้านค้าที่จำหน่ายเสื้อผ้าสตรีทแนววินเทจ เดนิม แจ็กเก็ตหนัง หรือชุดลูกไม้ มีร้านขายเครื่องประดับสีสันสดใสและคาเฟ่แหวกแนวมากมาย จนอาจพูดได้เลยว่าชิโมคิตะซาวะนั้นมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมร้านกาแฟที่พอ ๆ กับเสื้อผ้าวินเทจ หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงผู้คน แนะให้มาเยี่ยมชมในวันธรรมดา แต่ไม่ต้องรีบร้อนมาแต่เช้าจนเกินไป เพราะร้านขายของวินเทจมักจะเปิดเวลา 11.00 น. หรือเที่ยงวันเป็นต้นไป แต่หากคุณมาในช่วงเช้า ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้แวะร้านกาแฟก่อนที่จะไปช้อปร้านสินค้าวินเทจวิธีการเดินทาง: ลงสถานี Shimokitazawa โดยนั่งรถไฟสาย Odakyu จากชินจูกุ หรือสาย Keio-Inokashira จาก Shibuya
ขณะที่คุณอยู่ที่นั่น: พักจากการช็อปปิงตามร้านค้า ด้วยการแวะนมัสการศาลเจ้าคิตาซาวะฮาจิมันอันงดงาม ซึ่งใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาที จากทางใต้ของสถานี หากคุณมาเยือนในเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม ลองไปชมดอกบ๊วยที่สวนฮาเนกิ ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
ร้านอาหารใน ‘มิชลิน ไกด์’ ที่อยู่ละแวกนี้:
ย่านโคเอนจิ (Koenji)
อีกย่านที่มีชื่อเสียงในด้านร้านขายของวินเทจและของรีไซเคิลคือ ‘โคเอนจิ’ ซึ่งอยู่ห่างจากชินจูกุไปเพียงไม่กี่สถานี เมื่อเปรียบเทียบกับชิโมะคิตะซาวะ โคเอนจิมีบรรยากาศที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าและมีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แหล่งช็อปปิงใกล้สถานีหลายแห่งมักจะอยู่ในรูปแบบของ ‘โชเทนไก’ ซึ่งเป็นถนนในร่มแบบดั้งเดิมที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง ร้านเสื้อผ้าแนววินเทจปะปนอยู่กับธุรกิจเล็ก ๆ ในละแวกใกล้เคียงและร้านค้าแบรนด์เนม หากบ้างก็ซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองของร้านอื่น ดังนั้นคุณอาจต้องสอดส่องค้นหาร้านขายของวินเทจให้หนักกันขึ้นอีกสักเล็กน้อย แต่รับประกันได้ว่ามีสินค้าราคาถูกที่น่าตื่นตาตื่นใจเมื่อคุณค้นพบ อาหารที่นำเสนอในโคเอนจิมีแนวโน้มที่จะเสิร์ฟให้ในปริมาณมากและไม่หรูหราโอ้อวดมากนัก ทั้งยังมีร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารกลางวันชุดพิเศษ และอิซากายะซึ่งคนในพื้นที่แห่มากันหลังเลิกงาน โคเอนจิยังเป็นศูนย์กลางของวงการพังก์ร็อกในโตเกียวในราวช่วงทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งมรดกตกทอดเหล่านี้ยังหลงเหลือให้เห็นได้ในแวดวง "ไลฟ์เฮาส์" หรือคลับดนตรีสดที่อยู่ในย่านนี้วิธีการเดินทาง: ลงที่สถานี Koenji โดยนั่งรถไฟสาย Chuo หรือสาย Chuo-Sobu จากชินจูกุ
ขณะที่คุณอยู่ที่นั่น: ใกล้กับทางออกด้านทิศใต้ของสถานี Koenji มีศาลเจ้าโคเอนจิ ฮิคาวะ เป็นจุดสวดมนต์เพื่ออธิษฐานขอให้อากาศดี โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักจะเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้เล็ก ๆ ที่เรียกว่าเอมะ แต่ที่ศาลเจ้าฮิคาวะนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เอมะเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนเกตะ (รองเท้าแตะไม้แบบดั้งเดิม) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเกมโยนรองเท้าสำหรับเด็กที่ใช้ทำนายสภาพอากาศในวันถัดไป และหากคุณอยู่ในโตเกียวช่วงปลายเดือนสิงหาคม อย่าพลาดชมการเต้นรำ Koenji Awa Odori อันโด่งดัง ซึ่งเป็นการแสดงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีนักแสดงกว่า 12,000 ชีวิตแห่แหนไปตามถนนรอบ ๆ ย่านโอเอนจิ
ร้านอาหารใน ‘มิชลิน ไกด์’ ที่อยู่ละแวกนี้:
- Tensuke
ภาพเปิด: Ⓒ Page Light Studio
