เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา ‘มิชลิน ไกด์’ ได้เปิดเผยและมอบรางวัลกุญแจมิชลินเป็นครั้งแรกให้กับโรงแรมที่โดดเด่นที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจ 1 ดอก 2 และ 3 ดอก การได้รับกุญแจหนึ่งดอก (มอบให้กับที่พัก 84 แห่ง) หรือสองดอก (มอบให้ที่พัก 17 แห่ง) ก็เป็นเรื่องยากเพียงพอแล้ว ทว่ามีโรงแรมเพียง 6 แห่งในญี่ปุ่นเท่านั้น ที่โดดเด่นชนะเลิศจนได้รับรางวัลกุญแจมิชลินถึง 3 ดอก โดยครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นอยู่ในกรุงโตเกียว แถมแต่ละแห่งก็ตั้งอยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าได้จากพระราชวังอิมพีเรียล
สำหรับเรามันช่างเป็นเรื่องบังเอิญอันแสนจะเหมาะสม ที่พักอันน่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้นอกจากจะสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของโรงแรมแต่ละแบรนด์แล้ว แต่ละแห่งยังเป็นตัวแทนของเกณฑ์ห้าประการที่ผู้ตรวจสอบของเราใช้ในการตัดสิน คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานในการตัดสินดังกล่าวได้ที่นี่ แต่สำหรับในบทความนี้ เราคิดว่าจะเป็นการเหมาะสมที่จะมุ่งเน้นไปที่เกณฑ์เพียงข้อเดียว ซึ่งทำให้ถ่ายรูปงาม ๆ ออกมาได้แจ่มที่สุดในบรรดาเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อ นั่นคือ “สถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน” ถ้าพร้อมแล้วเชิญตามไปชมภาพเด็ดอันเป็นไฮไลท์ และการตกแต่งอันงดงามทั้งภายในภายนอกของโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลิน 3 ดอก แต่ละแห่งในโตเกียว ทางด้านล่างนี้กันได้เลย
Bulgari Hotel Tokyo
โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่นโรงแรม Bulgari Hotel Tokyo เพิ่งมีอายุได้เพียงหนึ่งปีกว่า ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกันกับ Buglari ทุกแห่งทั่วโลก นักออกแบบที่พักแห่งนี้คือ Patricia Viel และ Antonio Citterio และสำหรับโรงแรมในเครือของบุลการีแห่งนี้ก็มีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามมาตรฐานระดับสูงที่พวกเขาได้ตั้งเอาไว้ แถมยังมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติโดยไร้การเสแสร้ง นี่คือแบรนด์หรูจากอิตาลี ซึ่งเดิมเป็นที่รู้จักในด้านเครื่องประดับ ดังนั้นกระเบื้องโมเสกสีเขียวมรกตที่ด้านล่างของสระน้ำจึงแวววาวราวกับเพชร และพื้นที่ต่าง ๆ ก็ตกแต่งด้วยของตกแต่งจากอิตาลีและกระจกสไตล์เวนิส
ถ้าไม่ใช่เพราะมองออกไปเห็นวิวเมืองหลวงของญี่ปุ่น คุณอาจหลงเข้าใจผิดคิดได้ว่าโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในมิลาน แต่แท้จริงแล้วที่นี่คือโตเกียว และกลิ่นอายของของงานฝีมือท้องถิ่นก็แทรกซึมแฝงไปทั่วทุกพื้นที่ ตั้งแต่เพดานไม้ไปจนถึงหัวเตียงที่ทำจากผ้าไหม ภาพถ่ายพอร์ตเทรตแสดงให้เห็นความหรูและความมีชื่อเสียงของ Bulgari แห่งแรกในโรม
Palace Hotel Tokyo
โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่นชื่อนี้หาได้หมายถึงตัวโรงแรม ทว่าหมายถึงพระราชวังอิมพีเรียลที่อยู่ตรงข้ามคูน้ำจากด้านหน้าของโรงแรม โรงแรมพาเลซ โตเกียว สร้างขึ้นในปี 1961 และเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2012 หลังจากการรีโนเวทยกเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นการทุบของเก่า และสร้างอาคารใหม่ทั้งหมด เหนือสิ่งอื่นใดการปรับปรุงใหม่นั้นให้ความสำคัญกับทัศนียภาพของพระราชวังอิมพีเรียลและสวนเป็นที่ยิ่ง โดยห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของพระราชวัง และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มีอยู่มากมายทั่วทั้งโรงแรม
นั่นเป็นเพียงแค่ภาพรวมกว้าง ๆ หากยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมายที่นำความรู้สึกโปร่งสบายของพระราชวังและสวนอิมพีเรียลมาสู่การตกแต่งภายในโรงแรม โดยมีลวดลายธรรมชาติมากมายและเลือกใช้พรมสีเขียวที่คิดมาแล้วว่าเข้ากับต้นเมเปิลญี่ปุ่นที่อยู่ด้านนอกโรงแรม เมื่อมองผ่านหน้าต่างล็อบบี้ ทั้งยังมีงานศิลปะกว่า 1,000 ชิ้นประดับตกแต่งทั่วโรงแรม แถมบางชิ้นยังออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่นี้เท่านั้น
Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi
โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่นออกแบบโดยนักออกแบบสถาปัตยกรรมผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง ฌอง-มิเชล กาธีย์ (Jean-Michel Gathy เป็นที่รู้จักจากผลงานของเขากับ อสังหาริมทรัพย์อันโดดเด่นที่สุดหลายแห่งทั่วโลกมายาวนาน) Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi ตั้งอยู่บนหกชั้นบนสุดของอาคารสูง 39 ชั้น พร้อมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิและพระราชวังและสวนอิมพีเรียล โดยเฉพาะวิวของพระราชวังอิมพีเรียลนั้นช่างงดงามมาก กาธีย์ ได้ติดตั้งระบบน้ำไว้ด้านหน้าผนังกระจกบนล็อบบี้ชั้น 36 เพื่อเป็นฉากกั้น ด้วยเกรงว่า "จะไม่สุภาพหากมองจ้องตรงไปยังพระราชวังอิมพีเรียล"
ด้วยมุมมองเฉกเช่นนั้น การตกแต่งภายในของเขาจึงเป็นการผสมผสานอย่างมีรสนิยมระหว่างแรงบันดาลใจของญี่ปุ่นและระดับโลก พร้อมด้วยงานศิลปะที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายสิ่งทอขนาดใหญ่โดยช่างภาพนามิโกะ คิตาอุระ (Namiko Kitaura) อันเป็นศูนย์กลางของการตกแต่งภายในที่สว่างไสวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพเปิด: Palace Hotel Tokyo