ก่อนที่อาหารไทยสมัยใหม่จะโด่งดังได้อย่างทุกวันนี้ ยังมีชื่อหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดีทั่วทั้งยุโรป ในฐานะผู้เผยแพร่รสชาติไทยที่ทุกคนคุ้นเคย นั่นคือร้านอาหาร Blue Elephant และเชฟหญิงมากความสามารถผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดอย่างเชฟ นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้
ก่อนจะเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง เธอใช้ชีวิตท่ามกลางเสน่ห์ของตลาดน้ำฉะเชิงเทรามาตั้งแต่ยังเด็ก พร้อมกับพ่อที่เป็นคนขายเนื้อ และมีแม่เป็นแม่ครัวประจำร้านที่พี่สาวของเธอเป็นเจ้าของ แต่ถึงแม้จะเติบโตมาในบรรยากาศอันน่าหลงใหลนี้ เธอกลับไขว่คว้าโอกาสที่จะได้ออกไปแสดงตัวตนในโลกกว้าง เพื่อจะกลับมารับหน้าที่ตามที่เธอฝันไว้ คือ การสานสัมพันธ์ระหว่างอาหารไทยสู่ใจของนักชิมนานาประเทศให้จงได้ และเรื่องราวของร้าน Blue Elephant ที่เป็นดั่งตัวแทนความฝันของเธอ ก็เริ่มต้นขึ้นที่อีกมุมหนึ่งของโลก ในกรุงบรัสเซลส์นั่นเอง
“ดิฉันตามพี่ชายไปที่ประเทศเบลเยียมตั้งแต่ช่วงปี 1980 เพื่อที่จะได้เรียนด้านการทำอาหาร” เชฟนูรอเล่าถึงอดีตของเธอ ว่ามันเป็นช่วงเดียวกันนี้เองที่เธอได้พบกับชายหนุ่มที่จะมาเป็นสามีของเธอในปัจจุบัน เขาคือ คาร์ล สเต็ปเป้ ซึ่งการได้พบรักกันของทั้งสองนี่เอง ที่ทำให้เกิดความคิดจะเปิดร้านอาหารไทยในต่างแดงขึ้น ถึงแม้ในช่วงเวลานั้น อาหารไทยในยุโรปจะเป็นเพียงเมนูเสริมในร้านอาหารเอเชียชาติอื่นๆ ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเปิดร้านอาหารไทยแท้ในแบบของตัวเองขึ้นมา ทั้งยังจัดแต่งร้านให้ผู้ทานรู้สึกเข้าถึงได้ ขณะที่มาตรฐานในแต่ละเมนู อยู่ในระดับเดียวกับภัตตาคารชั้นดีทั้งสิ้น ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
“หลังจากสาขาที่บรัสเซลส์ เราก็เปิดสาขาที่ลอนดอน ปารีส และโคเปนเฮเกนอีก” เธอกล่าว “จนทุกวันนี้มีสาขาถึงสิบกว่าแห่งทั่วโลกแล้ว”
ขณะเดียวกันนั้น Blue Elephant Thai Premium Grocery Line ของเธอก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยบริการจัดสรรวัตถุดิบและอาหารพร้อมทานที่ส่งไป 37 ประเทศทั่วโลก จนตารางงานของเชฟนูรอแน่นเอี้ยดราวกับร็อคสตาร์ชื่อดัง เพราะเธอต้องเดินทางตั้งแต่ปารีสไปถึงมอสโกหรือบางทีก็ไกลกว่านั้น เพื่อจัดเวิร์คช็อปและอีเวนต์ต่างๆ โดยมีเป้าหมายในการคงไว้ซึ่งคุณค่าของอาหารไทยในต่างเมืองให้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
และด้วยความรักในประเทศบ้านเกิดของเธอนี่เอง ที่ทำให้เธอกลับมาบูรณะอาคารหอการค้าไทย-จีน บนถนนสาทร ให้เป็นที่ตั้งของร้าน Blue Elephant สาขาแรกในไทย และยังเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังในเวลาต่อมาด้วย
นอกจากนี้ทีมงานของเธอยังวางแผนบูรณะบ้านชินประชา บ้านเก่าสไตล์ ชิโน-โปรตุกีส ที่ภูเก็ตให้กลายเป็น Blue Elephant อีกหนึ่งสาขา
“Blue Elephant สาขาภูเก็ตเป็นสาขาแรกที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่อยู่ในพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ห่างไกลจากชายหาด และบ้านหลังนั้นถูกทิ้งร้างมานานกว่า 40 ปี” เชฟนูรอบอกให้เราทราบ
ทีมงานของทั้ง Blue Elephant และกรมศิลปากรต่างก็ทุ่มเทเวลาไปถึงสองปี เพื่อฟื้นฟูตัวอาคารให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สวยงามอีกครั้ง โดยคงไว้ซึ่งรูปแบบการตกแต่งดั้งเดิมไว้เกือบทั้งหมด รวมถึงพื้นกระเบื้องสีเขียวสลับขาวที่นำเข้ามาจากยุโรปด้วย
นอกจากด้านการเสิร์ฟอาหารชาววังของไทยแล้ว Blue Elephant ประจำภูเก็ตยังมีเมนูอาหารใต้ให้คุณได้ลิ้มลองด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมนูแกงปูใบชะพลู หรือเมนูอาหารเปอรานากัน ที่สรรค์สร้างจากการใช้ความรู้ที่สั่งสมมา บวกเข้ากับสูตรลับประจำตระกูลของ ดร.โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมชาวไทยแห่งเปอรานากัน และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารประจำ Blue Elephant เมนูประกอบไปด้วย เกี๊ยวเปอรานากัน ที่ทำจากกุ้งสดสับละเอียดกับมันแกว สัมบายกอเล้ง (กุ้งปรุงสุกด้วยขมิ้น กะทิ และตะไคร้ออร์กานิก) และแกงตูมี้กับปลากระพง (แกงโบราณสไตล์ภูเก็ตปรุงด้วยกะทิเข้มข้นและกระเจี๊ยบเขียว) ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานสุดพิเศษ ในชื่อ “Tubo” เมนูที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสองเชื้อชาติ ภูเก็ต-เปอรานากัน จัดเสิร์ฟในกะลามะพร้าว โดยเมนูเปอรานากันที่กล่าวมานี้เปิดให้คุณได้ลิ้มลองในราคา 1600++ บาท/ท่าน เราขอแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด
Blue Elephant ภูเก็ตตั้งอยู่ที่ 96 ถนน กระบี่
ตำบล ตลาดเหนือ
อำเภอเมือง
ภูเก็ต 83000 กรุงเทพฯ
เบอร์โทรติดต่อ: 076-354-355
รีวิวร้านอาหาร Blue Elephant จากผู้ตรวจสอบมิชลิน (มิชลิน เพลท มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร 2018)
ภายใต้การนำของเชฟ นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ทำให้ Blue Elephant ยังคงเป็นแนวหน้าในแวดวงร้านอาหารชั้นนำของกรุงเทพฯ มายาวนาน ภายในอาคารทรงโคโลเนียลบนถนนสาทร ทุกค่ำคืนร้านจะเต็มไปด้วยลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ต่างเดินทางมาหารสชาติอาหารแบบชาววังกันที่นี่ นอกจากนี้ในช่วงกลางวัน Blue Elephant ยังมีการเปิดสอนทำอาหารให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย