ท่ามกลางสีเขียวของแมกไม้ธรรมชาติในสวนมะพร้าวกลางเกาะสมุยอันเป็นสวนสวรรค์กลางอ่าวไทย มีร้านอาหารพื้นบ้านอันเป็นเพชรน้ำงามที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านลับ ๆ ซึ่งเร้นตัวซ่อนอยู่ในมุมหลืบของบ้านตลิ่งงาม ทว่าประกายความอร่อยที่เจิดจรัสก็ทำให้ที่ร้านนี้หาได้เป็นพิกัดลับอีกต่อไป
ร้านบ้านสวนลุงไข่ (รางวัลบิบ กูร์มองด์ คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2567) ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนตั้งใจไปเยือนสมุยเพื่อลิ้มรสความอร่อยกันตำรับเชฟส์เทเบิลแบบไทยโดยเฉพาะ
เราพาคุณไปทำความรู้จักกับร้านอาหารใต้แสนเด็ดที่ได้รับรางวัลบิบ กูร์มองด์กัน
จากร้านขนมจีนหรอยแรงของนักเดินทางกับวัตถุดิบคุณภาพที่อยากให้เพื่อนชิม สู่เชฟเทเบิลสไตล์ชาวบ้าน
ถ้าจะใหัว่ากันจริง ๆ แล้ว จุดเริ่มต้นของร้านบ้านสวนลุงไข่ เกิดขึ้นราวเดือนสิงหาคม 2562 ด้วยความที่คุณอมฤต ศรีแสง หรือ “ลุงไข่” ผู้ทำงานโยธารับจ้างปรับถมที่และงานก่อสร้างบนเกาะสมุยเป็นคนที่รักในการทำอาหารจากการซึมซับมาจากคุณแม่ ได้เปิดบ้านสวน จะเรียกว่าลุงไข่เป็นนักเดินทางและนักชิมที่แท้จริงก็คงไม่ผิด เนื่องจากเขาขับรถไปทั่วประเทศเพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้าง และระหว่างทางเขาก็ชอบแวะลิ้มลองรสชาติอาหารไปทั่วประเทศ
และเมื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำรสชาติมาทั่ว เขาและคุณปู-รวิวรรณ จันทวงศ์ ผู้เป็นภรรยาเลยได้แรงบันดัาลใจลองได้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับเพื่อน ๆ โดยเริ่มต้นที่ขนมจีนซึ่งชาวเกาะสมุยนิยมรับประทานกันแทนข้าว แล้วจึงตามมาด้วยอาหารประเภทอื่น ๆ ด้วยความที่คุณปูผู้เป็นทั้งแม่ครัวและภรรยาของลุงไข่เป็นคนรสมือดีและลุงไข่เองก็เสาะหาแต่วัตถุดิบสดของดีมาให้เท่านั้น ผองเพื่อนจึงเกิดความประทับใจและส่งเสียงเชียร์ให้เปิดร้านในที่สุด
ลุงไข่เริ่มต้นด้วยการตั้งซุ้มศาลาเล็ก ๆ เพียง 2-3 หลังให้คนมานั่งกินก่อน จนเมื่อใครต่อใครได้ชิมความอร่อย ก็มีการบอกกันปากต่อปาก เมื่อประกายอร่อยเริ่มฉาย ก็มีคนมาที่ร้านอาหารในบ้านสวนแห่งนี้กันมากขึ้น ๆ จนขยับขยายและกลายเป็นตัวอาคารไม้นั่งสบาย พร้อมสารพัดสัตว์โลกทั้ง ไก่ นก ไปจนถึงลิงที่คอยต้อนรับเมื่อเดินเข้าร้านอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
“เราเริ่มจากความรู้สึกว่าอยากให้เพื่อน ๆ ได้กินของดี ของสด ของอร่อย เพราะโดยปกติลุงเป็นคนชอบออกทะเลอยู่แล้ว แล้วเรามีเพื่อนเป็นชาวเล เลยชอบติดสอยห้อยตามเขาออกทะเลเพื่อจะได้เอาของสดมาทำครัว พอมาถึงบ้านก็ให้คุณปูเขาทำ ทีแรก ๆ เขาทำเราก็มีติมีแนะบ้าง จนในที่สุดก็ได้รสชาติอย่างที่เราชอบ วันไหนเราได้กุ้ง ปู หรือปลาอะไรมาก็จะชวนเพื่อน ๆ มาชิม เมื่อเขามากันบ่อย ๆ ก็เกรงใจ เลยบอกให้เราทำร้านอาหารเสียเลย จะได้ช่วยค่ากับข้าว แต่เราก็บอกเพื่อน ๆ ไว้ก่อนนะว่าถ้าเปิดเป็นร้านอาหารใครอยากจะกินโน่นกินนี่ก็อาจไม่ได้หรอกนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เราได้มาจากทะเลในแต่ละวัน เพื่อนก็ตั้งชื่อร้านให้เสร็จสรรพบอกว่าเรียกเป็น ‘บ้านสวนลุงไข่’ ไปเลย” ลุงไข่เล่าให้ฟัง
สั่งอะไรดี
ความเป็นเชฟส์เทเบิลของร้านไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อตามกระแส ไม่ได้ให้บริการอาหารจานเดี่ยว แต่จะจัดสำรับเซ็ตเมนูสำหรับแต่ละวันออกมาให้เพื่อนผู้มาเยือนเลือกในสนนราคา 500, 700 และ 1,200 บาทต่อท่าน ส่วนวันไหนจะได้กินเมนูอะไรบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เพื่อนชาวประมงของลุงไข่ออกทะเลหามาได้ในแต่ละวัน กิจวัตรประจำในทุกวันของลุงไข่จึงคือการโทรหาเพื่อนสนิทชาวเลทุกเช้ายามตี 4 เพื่อจะถามว่าได้ของดีของเด็ดอะไรมาบ้าง และแน่นอนที่สุด เพื่อนแท้ย่อมมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเพื่อนเสมอ ของทะเลที่ส่งตรงมาถึงร้านบ้านสวนลุงไข่จึงคุณภาพเยี่ยม ทั้งเนื้อปลาสดเด้งและหวาน เนื้อก้ามปูอวบอัดไปด้วยรสชาติแห่งท้องทะเลในทุกคำที่ได้รับประทานด้วยความที่วัตถุดิบแต่ละอย่างได้มาในจำนวนปริมาณที่จำกัด ทำให้ลูกค้าที่มาในแต่ละรอบอาจจะไม่ได้กินเมนูเดียวกันแต่ขอให้เชื่อเถอะว่าคุณภาพคับแก้วและได้รับการปรุงอย่างเยี่ยม นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ร้านบ้านสวนลุงไข่กลายเป็นประสบการณ์แห่งรสชาติอันแสนพิเศษ เป็นจุดหมายปลายทางของใครต่อใครที่เดินทางกันมายังเกาะสมุย เพียงเพื่อจะได้ลิ้มรสรับประทานอาหารของที่นี่กันสักมื้อท่ามกลางบรรยากาศบ้านสวนกลางสวนมะพร้าว
ด้วยความที่สุราษฎธานีขึ้นชื่อในเรื่องของหอยนางรมอยู่แล้ว ที่ร้านบ้านสวนลุงไข่จึงเสิร์ฟเป็นจานเรียกน้ำย่อยให้กินกับยอดกระถิน พริกเผา และหอมเจียว วันที่เราได้พบแก ลุงไข่และคุณปูยังได้ปลาพื้นบ้านนำมาทำเป็น “ปลาครามทอด” ซึ่งแกเล่าว่าปลาที่ไม่สดจะต้องทอดให้กรอบมากเท่านั้นเพื่อที่จะกลบกลิ่นคาว ไม่สามารถที่จะทอดเสิร์ฟแบบกรอบนอกนุ่มในและเนื้อฉ่ำหวานแบบเช่นที่ร้านทำ
ในแต่ละวันเมนูปลาทอดก็อาจจะเปลี่ยนไปตามชนิดของปลาที่จับได้
นอกจากนั้นยังมีเมนูอย่าง “กุ้งแชบ๊วย” หรือจะ “กรรเชียงและก้ามปูม้าแกะ” ที่เสิร์ฟปูเนื้อแน่นจัดเต็ม แถมแทบทุกตัวก็อุดมไปด้วยไข่ปู เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสจี๊ดจ๊าด ส่วนอาหารกินเคียงอื่น ๆ ก็ปรุงอย่างเรียบง่าย เช่น “หอยตลับต้มน้ำมะพร้าว” จานเด็ดที่หารับประทานได้ง่ายทางสุราษฏร์ธานี แต่ที่บ้านสวนลุงไข่ เสิร์ฟมาในน้ำมะพร้าวสดจากสวน อบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรและกลิ่นของท้องทะเลให้ความเป็นเอกลักษณ์
นอกเหนือจากนั้นยังมี “ใบเหลียงผัดไข่” เป็นอาหารกินแนมช่วยเพลาความจัดจ้านหรอยแรงของอาหารบางจานได้อย่างเยี่ยม เช่น “แกงปู” ถึงกะทิและเครื่องแกงที่เสิร์ฟมาพร้อมขนมจีน “แกงส้มปลา” จัดจ้านสมศักดิ์ศรีแกงส้มปักษ์ใต้แท้ ๆ ตลอดจน “ปลาหมึกผัดหวาน” ปลาหมึกกระตอยที่เต็มไปด้วยไข่ ผัดมาในน้ำซอสรสหวานที่เป็นจานนิยมของคนพื้นถิ่น
เสียอย่างอื่นได้ แต่เสียหน้าไม่ได้
หากแม้จะตั้งใจคัดเลือกวัตถุดิบ และใส่ใจในเรื่องการปรุงสักเพียงไหน ก็เป็นเรื่องปกติของร้านอาหารทุกแห่งที่มักจะได้รับคำติชมเสมอ เราถามลุงไข่ว่ามีลูกค้าช่างติที่อาจไม่ถูกปากอาหารบ้างไหม “ลุงก็บอกคุณปูเอาไว้ว่าเราไม่ต้องตามใจลูกค้าไปหมดทุกอย่าง เราก็แค่ทำในแบบที่ทำกันต่อไป เพราะถ้าเราปรับไปตามความต้องการของลูกค้าทุกคน รสชาติอาหารก็จะไม่นิ่งและเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนไม่ใช่รสชาติที่แท้จริงของเรา และเราก็ไม่ได้มองที่ตัวเลขเป็นหลัก มีลูกค้าบางคนที่พยายามอยากให้เราปรับรสชาติของอาหารบางจานให้ถูกปากเขา เช่น อยากจะกินแกงส้มรสไม่จัดมาก แต่สำหรับตัวลุงเอง เราพยายามที่จะคงรสชาติในแบบของเราเอาไว้ เพราะคิดว่ารสชาติแบบนี้ของอาหารจานนี้คืออร่อยสุดสำหรับเราแล้ว”นอกจากนั้นคุณลุงช่างคุยยังบอกอีกว่า “นอกจากที่เราจะพยายามได้ลูกค้าได้กินของที่ดีที่สุด ลุงมองว่าทุกคนที่มาที่ร้านเป็นเพื่อนของเราจึงอยากจะต้อนรับขับสู้กันด้วยของที่ดีที่สุด เหมือนอย่างที่เราอยากให้เพื่อนของเราได้กิน ซึ่งแม้บางครั้งจะเป็นเรื่องลำบาก เพราะอาจต้องดั้นด้นเอาเรือสปีดโบ้ทออกข้ามจังหวัด หรือใช้ความพยายามแก้ปัญหาเพื่อเสาะหาของดี ๆ มาให้เพื่อนได้กิน และเราก็อยากให้เขาได้กินอาหารรสชาติที่เป็นของเราจริง ๆ จึงอยากฝากไว้ให้เพื่อน ๆ ที่มารับประทานอาหารที่บ้านสวนของเราเข้าใจถึงเรื่องนี้ด้วย”
“ยอมเสียอะไรก็ได้ แต่เราเสียหน้าไม่ได้เรื่องอาหาร เรื่องนี้ลุงยอมไม่ได้” แกทิ้งท้าย
ด้วยความที่เป็นคนให้บริการอาหารที่รู้จักและเคารพในเอกลักษณ์รสชาติของตัวเอง รวมถึงมอบไมตรีจิตให้กับลูกค้าด้วยการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือนราวกับเป็นมิตรสหายจึงทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมรับในคุณภาพและตัวตนอย่างที่บ้านสวนลุงไข่เป็นจริง ๆ ซึ่งทำให้ร้านอาหารชาวบ้านกลางสวนมะพร้าวแห่งนี้แตกต่างจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามที่ดึงดูดผู้คนมาเยือนเกาะสมุย เพื่อจะได้สัมผัสประสบกาณ์แห่งรสชาติกันสักครั้ง ไปจนถึงกลับมาเยือนซ้ำแล้วซ้ำอีก หากวางแผนไปเยี่ยมลุงไข่ โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้า
ภาพเปิด: © อนุวัฒ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา/ MICHELIN Guide Thailand