ในปี 2567 คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประกาศเปิดตัวรางวัลกุญแจมิชลิน (MICHELIN Key) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ชูโรงแรมที่โดดเด่นที่สุดทั่วโลก อ่านที่นี่ เกี่ยวกับรางวัลใหม่ล่าสุดของมิชลิน และสำรวจรายชื่อโรงแรมที่ได้รางวัลทั้งหมดเป็นครั้งแรกในฝรั่งเศส



ห้องพัก:
ห้องหมายเลข 311 หนึ่งในห้องสวีทสุดหรูที่มีอยู่แปดห้องของโรงแรม Saint James Parisตั้งอยู่ที่:
เขตที่ 16 ย่านอาศัยสุดหรู นั่งรถเพียง 10 นาทีจากหอไอเฟลใครเคยเช็กอินห้องนี้:
มากกว่าราคาที่แสนแพงระยับแล้ว ยังมีทั้งคู่ฮันนีมูน ราชวงศ์ชั้นสูง และเหล่าบรรดาเซเลบริตีคนดังมากมายเคยเข้าพักห้องนี้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งหตุผลที่เราเลือกห้องนี้มานำเสนอจุดเด่นของห้อง:
แทบจะกล่าวได้เลยว่าความฝันของดีไซเนอร์ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสเกือบทุกคน คือการเปิดประตูเช็กอินเข้าไปยังห้องหมายเลข 311 แห่งนี้แล้วชมแสงสว่างนวลภายในห้องสวีทพร้อมวิวสวนส่วนตัวในฤดูหนาว ที่ซึ่งแสงอาทิตย์สาดส่องลอดผ่านหลังคากระจกสวนเอาท์ดอร์อันสวยงาม นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ความน่าอัศจรรย์ใจของปารีส ตอนที่ Saint James สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1892 ที่นี่เป็นโรงแรมที่อยู่ในคฤหาสน์เพียงแห่งเดียวของเมืองนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหอพักสำหรับเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนผู้น่าอิจฉา และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นคลับส่วนตัวในช่วงทศวรรษ 1980 สถาปนิกได้เพิ่มกระจกที่บนหลังหลังคาเพื่อเติมแสงสว่างให้ห้องนอนน่าอยู่ยิ่งขึ้นเมื่อการรีโนเวทเสร็จสมบูรณ์ เราจึงได้พบกับต้นไม้สีเขียวขนาดใหญ่และเชิงเทียนเซรามิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเห็ดอันโดดเด่นในสวนฤดูหนาวที่อบอุ่นไปด้วยแสงแดด บรรยากาศช่างโดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ฝรั่งเศสที่ลอร่า กอนซาเลซ ดีไซเนอร์ชื่อดังบรรจงรังสรรค์ มอบความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปไกลหลายศตวรรษ ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ
รูปปั้นสไตล์กรีกที่ช่วยเสริมความขรึมขลังของอาคารนีโอคลาสสิก ในขณะที่หากมองสำรวจรายละเอียดไปรอบๆ จะพบว่ารูปทรงและสีสันของโคมไฟ โซฟา และเก้าอี้อันโดดเด่นนั้นแสดงให้เห็นถึงกลิ่นอายของอาร์ตเดโคได้อย่างยอดเยี่ยม
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ห้องหมายเลข 311 ยังมีเอกลักษณ์อยู่ที่เปียโนส่วนตัว แต่อย่าเพลิดเพลินอยู่ภายในห้องเพียงอย่างเดียว เพราะส่วนอื่นๆ ของโรงแรมก็น่าสนใจไม่น้อย


ประวัติความเป็นมา:
ที่นี่เป็นโรงแรมเพียงแห่งเดียวที่เหมาะสมสำหรับนิยามของ “คฤหาสน์สไตล์คันทรีแสนสุดคลาสสิก” ได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงในปารีส เพียงแค่ล็อบบี้ขนาดมโหฬารก็เป็นหลักฐานอย่างดีเยี่ยมได้แล้ว มันไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่สถานที่เช่นนี้จะมีอยู่ได้ หากที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะภรรยาม่ายของอดีตประธานาธิบดีอาดอลฟ์ ตีแยร์ (Adolphe Thiers) เสียสละโชคลาภและทรัพย์สินทั้งหมดของเธอสร้างมันขึ้นมาเพื่ออุทิศให้กับความทรงจำที่มีต่อสามีของเธอ.ทุกครั้งที่คุณเงยหน้าขึ้นมองฟาซาดหรือเปลือกอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกหลังนี้ รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกทึ่งมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ไฮไลท์ยังอยู่ที่สวนและพื้นที่สีเขียวกว้างขวางถึง 5,000 ตารางเมตร ช่างเป็นฉากที่ชวนให้นึกถึงคฤหาสน์หรูบนทัศนียภาพอันสวยงามในชนบทของฝรั่งเศส ทว่าที่นี่กลับอยู่ไม่ไกลจากถนนที่มุ่งตรงสู่ประตูชัยปารีส
คำแนะนำ:
แทนที่จะขึ้นลิฟต์แนะให้ลองใช้บันไดชาแนลแทน ที่เรียกบันไดว่าอย่างนี้ก็เพราะ Coco Chanel มีบันไดลายสะท้อนคล้ายกันนี้ในสตูดิโอของเธอ และเธอมักจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดเพื่อลอบดูผู้ชมและนางแบบของเธอโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นตัวเอง แต่บันไดของที่นี่ไม่ใช่แค่แบบจำลองที่เต็มไปด้วยลายสะท้อนเท่านั้น หากรวมถึงพรมแดงสุดตระการตาสไตล์อาร์ตเดโค ตัดกันอย่างมีพลังกับเสาและราวบันไดของคฤหาสน์สมัยศตวรรษที่ 19บริการอาหารถึงห้อง:
ร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน Bellefeuille เปิดให้บริการเฉพาะวันธรรมดา และเปิดให้บริการเพียงสองชั่วโมงสิบห้านาทีเท่านั้น เมื่อคุณเป็นแขก (หรือสมาชิกของคลับส่วนตัว) คุณจะสามารถใช้บริการอาหารเช้าและอาหารกลางวันได้ อย่างไรก็ตาม อาหารจาก Bellefeuille จะเสิร์ฟเฉพาะภายในร้านอาหารเท่านั้น ส่วนบริการรูมเซอร์วิสเป็นเมนูเฉพาะ ซึ่งพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง


หากต้องการสำรองที่พัก:
ไปที่หน้าโรงแรมและเลือกห้องเพรสทีจสวีท (เพิ่มหมายเหตุรีเควสพิเศษเมื่อชำระเงินโดยระบุว่าขอเป็นห้องสวีทที่มีเปียโน)ถ้าจองไม่ได้ต้องทำอย่างไร:
ห้องพักทุกห้องล้วนมีความโดดเด่น เป็นไปตามหลักการออกแบบเดียวกับที่ลอร่า กอนซาเลซ (Laura Gonzalez) รังสรรค์ไว้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกเข้าพักในอพาร์ทเมนท์หรูพร้อมบริการครบครัน ทั้ง 4 ห้องในวิลล่าที่อยู่ติดกัน หรือจะเลือกพักในห้องประเภท Boudoir ได้ในราคาที่ประหยัดกว่ามากภาพเปิด: © Saint James Paris