อาหารเป็นมากกว่าแค่เพียงสิ่งที่อยู่ในจาน วัตถุดิบทุกอย่างล้วนมีที่มา พิพิธภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มหลายร้อยแห่งทั่วโลกเป็นสถานที่ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้มีชีวิตชีวาและจับต้องได้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนออาหารโดยทั่วไป ไปจนถึงวัตถุดิบหลักเพียงชนิดเดียว เช่น มัสตาร์ดหรือกิมจิ
นี่คือ 6 พิพิธภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่จะดึงดูดให้คุณเข้าไปผจญภัยในโลกแห่งอาหารครั้งต่อไป
Alimentarium
เวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์หลังจากสำนักงานใหญ่ของเนสท์เล่ย้ายออกจากอาคารขนาดใหญ่สไตล์นีโอคลาสสิกในปี 2522 อาคารหินปูนสีเหลืองอ่อนแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างอยู่นาน จนกระทั่งปี 2528 บริษัทได้ตัดสินใจปรับปรุงที่นี่ให้เป็น Alimentarium ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อาหารแห่งแรกของโลก Alimentarium ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา เราสามารถมองเห็นสายน้ำที่กระทบอย่างแผ่วเบามายังสวนผักและสมุนไพรซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของเชฟประจำพิพิธภัณฑ์ การจัดแสดงที่ให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วม, นิทรรศการถาวรของ Alimentarium ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าแท้จริงแล้วอาหารคืออะไร อาหารทั่วทุกมุมโลกมีอะไรบ้าง ห่วงโซ่อาหารตั้งแต่ฟาร์มไปจนถึงโต๊ะอาหาร และสิ่งที่คุณเลือกกินส่งผลต่อสุขภาพของโลกอย่างไร นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับนิทรรศการชั่วคราวอย่าง Beurk! Yuck! Igitt!, ลองเล่นเกม “อาหารที่เราชอบเกลียด” เวิร์คชอป และชั้นเรียนทำอาหารทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่เสริมสร้างความรู้สำหรับเด็ก ๆ
Cité du Vin
บอร์โด ประเทศฝรั่งเศสในอาคารรูปทรงคดเคี้ยวสีทองโดดเด่นทางตอนเหนือของบอร์โดคือวิหารแห่งไวน์อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้คุณดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งไวน์ด้วยจอทัชสกรีนและไกด์ระบบเสียง ฝรั่งเศสมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในเรื่องไวน์ และบอร์โดก็เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวของไวน์นั้นมีจุดกำเนิดมาจากเทือกเขาคอเคซัสที่อยู่ห่างไกลจากบอร์โดกว่า 4,700 กม. แล้วองุ่นเดินทางข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทวีปยุโรปมาได้อย่างไร ไวน์ที่ปลูก (และบริโภค) ทั่วโลกตั้งแต่เคปทาวน์จนถึงแคลิฟอร์เนียเป็นอย่างไร ไวน์บอร์โดที่คุณชื่นชอบควรเสิร์ฟคู่กับอะไร ที่นี่จะทำให้คุณค้นพบคำตอบของทุกข้อสงสัยขณะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้น 8 เพื่อชมทัศนียภาพรอบเมืองบอร์โดพร้อมชิมไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดี
พิพิธภัณฑ์บะหมี่ถ้วย (Cup Noodles Museum)
อซากาและโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่นไม่มีอาหารสะดวกซื้อชนิดไหนในโลกที่จะโดดเด่นกว่าบะหมี่ถ้วย คุณสามารถเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของราเม็งและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของโมโมฟูกุ อันโด (Momofuku Ando) ผู้ให้กำเนิดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งภายหลังเชฟเดวิด ชาง (David Chang) ได้นำมาตั้งเป็นชื่ออาณาจักรร้านอาหารของตน ที่พิพิธภัณฑ์ 1 ใน 2 แห่งในโอซากาและโยโกฮามา คุณจะได้พบกิจกรรมที่ให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วม เช่น เวิร์คชอปที่คุณสามารถสร้างบะหมี่ถ้วยได้ตามใจต้องการ ตั้งแต่การออกแบบรสชาติไปจนถึงการทำฉลาก นอกจากนี้ยังคุณยังสามารถลองทำราเม็งเองตั้งแต่เริ่มต้นได้เช่นกัน ไนท์บาซาร์ซึ่งเป็นศูนย์อาหารของพิพิธภัณฑ์ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์และเสียงคล้ายศูนย์อาหารแผงลอย และเปิดโอกาสให้แขกที่มาได้ลิ้มลองบะหมี่ขึ้นชื่อจากแปดประเทศ รวมถึง อิตาลี เกาหลี และมาเลเซีย พิพิธภัณฑ์ที่เหมือนกับสวรรค์สำหรับเด็ก ๆ แห่งนี้ นอกจากจะมีเวิร์คชอปให้เข้าร่วมแล้ว ยังมีสนามเด็กเล่นที่เรียกว่า Cup Noodles Park ซึ่งเด็ก ๆ สามารถเล่นบทบาทเป็นพนักงานในโรงงานบะหมี่ได้อีกด้วย!
พิพิธภัณฑ์ Frietmuseum
บรูจส์ ประเทศเบลเยียมมันฝรั่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในอาหารเบลเยียม ซึ่งเมื่อต้องเผชิญกับการผลิตที่เกินขนาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมมันฝรั่ง Belgapom ได้ขอให้ชาวเบลเยียมกินมันฝรั่งทอดมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทิ้งมันฝรั่งไปโดยเปล่าประโยชน์ หากมันฝรั่งทอดคือชีวิตของคุณ อย่าพลาดที่จะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Frietmuseum ในเมืองบรูจส์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มันฝรั่งแห่งแรก (และแห่งเดียว) ของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์โกธิคปลายศตวรรษที่ 14 ที่สวยงาม และเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองบรูจส์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก เราชวนคุณมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 10,000 ปีของมันฝรั่งที่แสนธรรมดา รวมถึงเรียนรู้เรื่องการเดินทางจากเปรูไปจนถึงเบลเยียม วิธีการทำเฟรนช์ฟราย และมันฝรั่งทอดแบบเบลเยียมหรือ frieten หลังจากรับประทานอาหารที่ทอดเสร็จร้อน ๆ ก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวานที่ Choco-Story Brugge ของ Frietsmuseum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลตของคู่พ่อลูกผู้คลั่งไคล้ในอาหารอย่าง Cédric และ Eddy Van Belle ด้วยนะ
Musei del Cibo
ปาร์มา ประเทศอิตาลีคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์เจ็ดแห่งนอกปาร์มานี้เป็นการแสดงความเคารพต่อองค์ประกอบที่สำคัญของอาหารอิตาเลียนจากภูมิภาคเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) นั่คือ มะเขือเทศ พาสต้า ชีส Parmigiano-Reggiano ไส้กรอก Felino salami พาร์มาแฮม (prosciutto) กระทั่งแฮม Culatello di Zibello (ญาติห่าง ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักของพาร์มาแฮม) และไวน์ (และทางองค์กรยังเล็งว่าจะเปิดพิพิธภัณฑ์เห็ดพอร์ชินีอีกแห่งในปีหน้าด้วย) การจัดแสดงนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ล้วนมีรูปแบบเดียวกันคือนำเสนอประวัติศาสตร์ของผลิตภัณฑ์ และจัดแสดงเครื่องมือที่ใช้ปลูก ทำ ปรุงอาหารตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์เกร็ดน่ารู้ คุณจะได้เรียนรู้เรื่องของมะเขือเทศที่เดินทางจากเปรูและเอกวาดอร์เข้ามาในอิตาลีในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 โดยผู้พิชิตชาวสเปน ส่วนไวน์ มะเขือเทศ และซาลามีเป็นวัตถุดิบที่ศิลปินนิยมนำมาใช้ในการวาดภาพนิ่งในศตวรรษที่ 15 ในขณะที่การผลิตชีส Parmigiano-Reggiano ขนาด 18 กก. จำเป็นต้องใช้นมจากวัวมากถึง 50 ตัว นอกเหนือจากนั้นพิพิธภัณฑ์พาสต้าและมะเขือเทศยังตั้งอยู่ที่เดียวกันให้ได้ชมได้สะดวกสบาย ส่วนพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ตั้งอยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากใจกลางเมือง และไม่ต้องกังวลว่าน้ำมันมะกอกจะไม่มีซีน แม้มันจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Musei del Ceibo แต่คุณก็ยังสามารถไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น้ำมันมะกอกซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ Parmesan โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์เพียง 15 นาทีเท่านั้น
พิพิธภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มทางตอนใต้ (Southern Food & Beverage Museum)
นิวออร์ลีนส์ หลุยเซียนาเปิดโลกประวัติศาสตร์การทำอาหารทางตอนใต้ของอเมริกาที่พิพิธภัณฑ์นิวออร์ลีนส์ ที่นี่มีการจัดแสดงนิทรรศการที่มีสีสันซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาหารทางตอนใต้ของอเมริกามีวิวัฒนาการมาจากอาหารแอฟริกัน แคริบเบียนและยุโรป การจัดแสดงในอดีตและปัจจุบันนี้ยังรวมถึง Creative Kitchen ของอัล โคปแลนด์ (Al Copeland) ผู้ก่อตั้งเชนไก่ทอดชื่อดังของอเมริกาอย่าง Popeyes นอกจากนั้นโซน Red Bean City จะช่วยอธิบายว่าถั่วแดงและข้าวกลายมาเป็นอาหารจานเด่นของชาวหลุยเซียน่าได้อย่างไร และยังมี Gallery of the South: States of Taste ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่รสชาติและอาหารของรัฐทางตอนใต้ของอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการจัดชั้นเรียนทำอาหารสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกด้วย
หมายเหตุ: พิพิธภัณฑ์จะหยุดชั่วคราวเนื่องจากพายุเฮอริเคนลอร่า เมื่อกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง กรุณาตรวจสอบปฏิทินกิจกรรมเนื่องจากอาจมีการงดจัดกิจกรรมบางอย่างเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
ภาพเปิด: © THIERRY ROGE/Reuters/Corbis