เมื่อไกด์บุ๊กปกแดงที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดจากนักชิมทั่วโลกมากว่าร้อยปีเดินทางมาถึงเมืองไทย ‘มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ’ ก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก และแล้วเหล่านักชิมชาวไทยผู้หลงใหลในอาหารชั้นเยี่ยมก็มีร้านอาหารระดับดาวมิชลินในเมืองหลวงของไทยให้ไปลิ้มลอง แน่นอนว่าแต่ละร้านที่ได้ดาวมิชลินไปครองนั้นนอกจากรสชาติอาหารที่ล้ำเลิศแล้ว ยังต้องมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งเหล่าเชฟของร้านต่างๆ ดังกล่าว ได้ทุ่มเททั้งฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และแพสชันของพวกเขาในการรังสรรค์อาหารจานเด่น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเพียงลูกค้าสบสายตาก็จะตกหลุมรักทันทีเมื่อแรกเห็น และเมื่อได้ชิมยิ่งต้องหลงใหล เมื่อกรุงเทพฯ ของเรามีร้านอาหารระดับดาวมิชลินแล้ว ก็อย่าได้รอช้า ไปดูกันดีกว่า ว่าอาหารจานไหนของร้านใดบ้างที่จะสวยหยาดหยดน่ารับประทานจนมอบใจให้ตั้งแต่แรกเห็น และอาหารจานไหน ที่จะรสชาติล้ำเลิศจนตกหลุมรักกันในคำแรกที่ได้ชิม
แน่นอนว่าการลิ้มรสความอร่อยระดับดาวมิชลิน สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ ย่อมได้รับสิทธิพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งคุณสามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่
ต่อไปนี้คือ 7 ร้านอาหารระดับดาวมิชลิน ของกรุงเทพฯ ที่พร้อมใจกันมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ เท่านั้น
1. Bo.lan
The Restaurant: ความเอาจริงเอาจังในเรื่องของวัตถุดิบตามฤดูกาล และการทำครัวในวิถียั่งยืนของเชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟ Dylan Jones นั้น เป็นที่เลื่องลือและน่าชื่นชม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เมนูของที่นี่มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่รายการอาหารที่เป็นเซ็ตเมนูนั้นจะมีการแบ่งหมวดที่ชัดเจน อย่างซุปหรือน้ำแกง, ของทอด, แกง , น้ำพริกหรือเครื่องจิ้ม ไปจนถึงของหวาน ซึ่งอาหารทั้งหมดนั้นเชฟเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นเท่านั้น
Love at First Bite: คนส่วนใหญ่คุ้นลิ้นกับแกงจืดผักกาดดองกันเป็นอย่างดี แต่ต้มผักกาดดองของที่นี่พิเศษกว่านั้น เพราะนำผักกาดดองมาทำเป็นต้มยำใส่ซี่โครงหมูกระดูกอ่อนเนื้อนุ่มพอให้เคี้ยวกรุบ แถมยังใส่เนื้อปลาเพื่อให้ได้รสชาติของทะเล ซดน้ำซุปตอนที่ยังร้อนๆ เป็นอาหารจานที่รับประทานง่ายแต่อร่อยถูกปากจริงๆ
2. Chim by Siam Wisdom
The Restaurant: ร้านอาหารในเรือนไทยโบราณ เข้ากันได้ดีจริงๆ กับคอนเซ็ปต์ร้านอาหารไทยต้นตำรับของ เชฟ หนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ ไม่เพียงแค่รสชาติที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันเท่านั้น เชฟยังสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ด้วยการนำวัตถุดิบหายากมานำเสนอใหม่โดยใส่กลิ่นอายของตะวันตกเข้าไปในอาหารบางจาน อาหารแนะนำของที่นี่คือต้มยำปลาช่อนตำรั โบราณ ซึ่งมีการใส่ข้าวคั่วลงไป หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นของสมุนไพรให้รสชาติที่จัดจ้าน และอีกจานเด่นก็คือเป็ดร่อนลุยสวน
Love at First Bite: ต้มยำปลาช่อนสูตรโบราณ ที่ทุกวันนี้หารับประทานได้ยากเต็มที ต้มยำกรุ่นกลิ่นสมุนไพรสูตรนี้มีการใส่ข้าวคั่วลงไปผสมด้วย เพื่อให้น้ำซุปมีสัมผัสและรสที่เข้มข้นขึ้น นับเป็นจานรสจัดจ้านที่ได้ใจ และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ชิม บาย สยาม วิสดอม สุขุมวิท 31 แยก 4 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 - 22.30 น. โทร. 02-260-7811
3. Elements
The Restaurant: ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นอกจากจะมอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ให้กับลูกค้าผู้มาเยือน ห้องอาหาร Elements ยังมีสไตล์อาหารที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน ครัวเปิดของที่นี่เสิร์ฟอาหารที่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก นำมาปรุงด้วยเทคนิคการทำครัวฝรั่งเศส เสริมด้วยสัมผัสรสชาติอาหารสไตล์ญี่ปุ่น เช่น ส้มยูซุ, ชาเขียวมัจจะ, มิโซะ สาหร่ายโนริ ฯลฯ ซึ่งหัวหน้าพ่อครัวของที่นี่ เชฟ Antony Scholtmeyer ได้มอบประสบการณ์รสชาติอาหารที่ผสานทั้งครัวฝรั่งเศส และญี่ปุ่นเอาไว้ได้อย่างลงตัวที่สุด
Love at First Bite: หอยเชลล์และฟัวกราส์อาจจะไม่ใช่การจับคู่ที่แปลกใหม่นัก เพราะเป็นส่วนผสมที่วงการครัวต่างรู้กันดีว่าเข้าคู่กันแล้วจะต้องอร่อยแน่นอน แต่ที่น่าสรรเสริญคือการที่เชฟแอนโธนียกระดับรสชาติให้อร่อยล้ำลึกขึ้นไปอีกขั้น ด้วยซุปกอนซอมเม่ที่กรุ่นกลิ่นอายญี่ปุ่นอย่างเห็ดชิเมจิและมิโซะ เป็นจานที่ให้รสชาติสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริงจนเราหลงรักอย่างหมดหัวใจ
ห้องอาหารเอเลเมนท์ ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เปิดบริการ วันอังคาร-เสาร์ เวลา 18.00-22.30 น. โทร.02-687-90004. J'AIME by Jean-Michel Lorain
The Restaurant: รู้จักกันดีเพราะเป็นร้านที่ได้ดาวมิชลินในฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เมื่อมาเปิดสาขาที่เมืองไทย เพื่อให้มั่นใจว่าร้านจะได้มาตรฐาน และคงไว้ซึ่งปรัชญาของทางร้าน เช่นเดียวกับสาขาแม่ที่ประเทศฝรั่งเศส เชฟ Jean-Michel Lorain จึงได้ส่งลูกเขยของเขา คือเชฟ Amerigo Sesti มาเป็นหัวหน้าเชฟผู้ดูแลที่นี่ อาหารของร้านยังคงโดดเด่นด้วยรสชาติสไตล์ฝรั่งเศสคลาสสิก ที่ให้สัมผัสของความประณีต แต่เพิ่มเติมกลิ่นอายสมัยใหม่เข้าไป ที่น่าสนใจคือมีการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นมานำเสนอด้วย
Love at First Bite: เนื้อคามุย (Kamui Beef) เนื้อวากิวสุดนุ่มจากญี่ปุ่น ที่นำมาย่างบนกระทะ เสิร์ฟคู่แครอทกับแอปเปิ้ลพูเร และโรสแมรี่ อาหารจานนี้โขมยหัวใจของคนรักเนื้อไปได้หลายต่อหลายคน ด้วยเนื้อวัวที่อุดมรสชาติแถมยังนุ่มลิ้น แค่ลองหั่นเนื้อก็จะพบด้านในยังเป็นสีชมพูชุ่มฉ่ำ รับประทานคู่กับแครอทและแอปเปิ้ลพูเรที่ให้สัมผัสละเมียด รับรองว่าคุณต้องยกใจทั้งดวงให้กับอาหารจานนี้
แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลแร็ง โรงแรมยู สาทร ถนนสาทร ซอย 1 เปิดให้ บริการทุกวัน (เว้นวันอังคาร) เวลา 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.00 น. และ ซันเดย์บรันซ์ 12.00-15.00 น. ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน โทร.02-119-4899 หรือ reserve@jaime-bangkok.com และ www.jaime-bangkok.com
5. Savelberg
The restaurant: เชฟมิชลินสตาร์ Henk Savelberg เคยได้รับดาวมิชลินมาแล้วถึง 4 ดวง ก่อนหน้าร้านแห่งนี้ในกรุงเทพฯ อาหารของ Savelberg’s นั้นยอดเยี่ยมในเรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยม รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการปรุง ให้รสชาติละเมียดละไม ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงรสชาติในแบบยุโรป แต่เชฟยังได้ทดลองปรุงอาหารที่ให้กลิ่นอายท้องถิ่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น เนื้อปลาเสิร์ฟกับฟักทอง แอปปริคอท พิสตาชิโอ ยูซุ และโฟมพริกแกงเขียว
Love at First Bite: เนื้อแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง และหน่อไม้ฝรั่ง ถั่วลันเตา ราดซอสสูตรพิเศษจานนี้ จับคู่ส่วนผสมได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ เนื้อแกะได้รับการย่างมาจนสุกพอดิบพอดี ส่วนผสมอย่างอื่นที่เหลือซึ่งเชฟเลือกมานั้นให้ทั้งสัมผัสและรสชาติ ที่ไปด้วยกันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ช่วยส่งเสริมให้อาหารจานนี้มีรสสัมผัสที่หลากหลาย
ห้องอาหารซาเวลเบิร์ก ตั้งอยู่ด้านหน้า โอเรียนทอล เรสซิเดนซ์ ถนนวิทยุ เปิด บริการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.00 น. โทร.02-252-8001
6. Sühring
The Restaurant: เชฟคู่แฝดชาวเยอรมนี Thomas และ Mathias Sühring ได้ตีความอาหารเยอรมันให้มีความสมัยใหม่และมีเอกลักษณ์ในแบบของพวกเขาเอง ในขณะที่ยังคงพยายามที่จะรักษาแก่นแท้ของอาหารต้นตำรับเอาไว้ อาหารเซ็ตเมนูของที่นี่พาเราไปสำรวจรสชาติแบบเยอรมัน ซึ่งแต่ละจานนั้นเต็มไปด้วยเทคนิคมากมายที่ต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญและความใส่ใจ จึงออกมามีรสชาติเลิศรส
Love at First Bite: อาหารจานเป็ดต้นตำรับของที่นี่อร่อยอย่าบอกใคร เชฟบ่มเนื้อเป็ดฮังกาเรี่ยนไว้นานถึง 1 สัปดาห์เพื่อให้รสเยี่ยมขึ้น ก่อนที่จะทำการรมควันด้วยฟาง แล้วนำมาย่างเพื่อให้ได้กลิ่นหอมชวนรับประทาน เสิร์ฟโดยที่หนังด้านนอกกรอบ แต่เนื้อในยังอมชมพู เมื่อนำมาเสิร์ฟคู่กับ lingonberry เจลลี่ ยิ่งส่งเสริมรสชาติให้โดดเด่นอย่างสมบูรณ์
ซูห์ริง ซอยเย็นอากาศ 3 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.30-21.30 น. โทร. 02-287-1799
7. Upstairs at Mikkeller
The Restaurant: ร้านอาหารเชิงนวัตกรรม ที่เสิร์ฟแบบเชฟเทเบิ้ล โดยเชฟ Dan Bark ผู้มีดีกรีเป็นถึงซูร์เชฟ (หัวหน้าพ่อครัว) ของ ‘Grace’ ห้องอาหารระดับมิชลิน 3 ดาว แห่งเมืองชิคาโก Upstairs at Mikkeller อยู่ในซอยอันแสนเงียบสงบในย่านเอกมัย โดยตั้งอยู่ชั้นบนของบาร์เบียร์ชื่อดังอย่าง Mikkeller ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งในการลองจับคู่อาหารไฟน์ไดนิงเข้ากับคราฟท์เบียร์ อาหารของที่นี่ออกแนว progressive American ซึ่งใช้ทั้งเทคนิคสมัยใหม่และวัตถุดิบที่หลากหลาย จนได้ออกมาเป็นอาหารรสชาติซับซ้อนและน่าหลงไหล
Love at First Bite: อิคุระ กับ บลูเบอร์รี่ ดอกไม้ และใบไทม์ อาหารจานนี้ช่างเป็นการผสมผสานวัตถุดิบที่แปลกใหม่ และเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ แน่นอนว่าให้ทั้งรสสัมผัสที่น่าสนใจ วัตถุดิบต่างๆ ให้รสชาติที่ไปด้วยกันอย่างเยี่ยมยอด
อัพสแตร์ แอท มิคเคลเลอร์ เอกมัยซอย 10 แยก 2 เปิดทุกวันพุธ-เสาร์ เวลา 18.00-22.00 น. โทร.09-1713-9034
#ทุกมื้อต้องจัดด้วยบัตรซิตี้
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากบัตรเครดิตซิตี้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรเครดิตซิตี้ กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.citibank.co.th
และเราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่า แต่ละร้านที่ได้รับดาวมิชลินนั้น ต่างก็มีทั้งความเชี่ยวชาญ สไตล์ที่โดดเด่น รวมไปถึงรสชาติอาหารอันโอชะ แถมแต่ละร้านยังมอบสิทธิพิเศษที่น่าสนใจให้กับสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้อีกด้วย ดังนั้นอย่ารอช้า ถึงเวลาโทรจองโต๊ะ แล้วลองชิมอาหารจานที่จะทำให้คุณตกหลุมรักกันได้แล้ว ขอให้อิ่มอร่อยเจริญอาหารกันถ้วนหน้า!