รางวัลกุญแจมิชลิน 3 ดอก ถือเป็นรางวัลโรงแรมระดับสูงสุดในคู่มือ 'มิชลิน ไกด์' การได้รับกุญแจ 1 ดอก (มอบให้กับที่พัก 107 แห่ง) หรือ 2 ดอก (มอบให้ที่พัก 31 แห่ง) ก็เป็นเรื่องยากเพียงพอแล้ว ทว่ามีโรงแรมเพียง 8 แห่งในอิตาลีเท่านั้น ที่โดดเด่นชนะเลิศจนได้รับรางวัลกุญแจมิชลินถึง 3 ดอก
ถ้าคุณต้องการทราบเกี่ยวกับโรงแรมที่ได้คะแนนการต้อนรับขับสู้สูงสุดในประเทศอิตาลี โปรดเลื่อนลงไปเพื่ออ่านต่อ แน่นอนว่าทุกโรงแรมที่ได้รางวัล กุญแจมิชลิน 3 ดอก ย่อมล้วนมีความเป็นเลิศในเกณฑ์ทั้งห้าที่ใช้ในการตัดสินโดยผู้ตรวจสอบของเรา แต่สำหรับในบทความนี้ เราคิดว่าจะเป็นการเหมาะสมที่จะมุ่งเน้นไปที่เกณฑ์เพียงข้อเดียว ซึ่งทำให้ถ่ายรูปงาม ๆ ออกมาได้แจ่มที่สุดในบรรดาเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อ นั่นคือ “สถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน” ถ้าพร้อมแล้วเชิญตามไปชมภาพเด็ดอันเป็นไฮไลท์ และการตกแต่งทั้งภายในภายนอกของโรงแรมระดับกุญแจมิชลิน 3 ดอกทั้ง 8 แห่งในอิตาลี กันได้เลย
ทุกสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับรางวัลกุญแจมิชลิน
ดูลิสต์รายชื่อโรงแรมทั้งหมดที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลินในอิตาลี


Aman Venice
เวนิส, อิตาลีแทนที่จะสร้างอาคารที่ทันสมัยเช่นเดียวกับพัสถานหลายแห่งทั่วโลก ทว่าแบรนด์โรงแรมหรูอย่าง Aman กลับเลือกใช้พระราชวังเรอเนซองส์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างพิถีพิถันเป็นที่ตั้ง ซึ่งก็เหมาะเจาะดีแท้สำหรับเมืองมรดกโลกอย่างเวนิส และนอกเหนือไปจากการการออกแบบตกแต่งภายในร่วมสมัยที่มีสไตล์อย่างชาญฉลาดแล้ว แทนที่จะใช้เฟอร์นิเจอร์ทันสมัยที่มีอยู่อย่างล้นหลามในตลาด ก็ดูเหมือนว่าแทบทั้งหมดจะเลือกใช้ของเก่าแท้ ๆ ที่เจ้าของเดิมได้กรุณาทิ้งเอาไว้ให้
หากคุณพอจะรู้จักแบรนด์หรูอย่าง Aman ดี คุณก็คงจะพอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับการเรทคะแนนเข้าพักในอันดับต้น ๆ เช่นเดียวกับโรงแรม Aman Venice แห่งนี้ที่ผสมผสานรายละเอียดของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ดั้งเดิมหากยังพรั่งพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายอันทันสมัยเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือทิวทัศน์งามบรรเจิดของคลองแกรนด์คาแนล ซึ่งคุณสามารถทอดสายตาดื่มด่ำชมความงานอันแสนแสนสมบูรณ์แบบระดับแถวหน้าเช่นนี้ได้จากห้อง Canal Grande Suite ที่อยู่เหนือประตูหน้าของอาคารโรงแรม
จองโรงแรม Aman Venice กับ MICHELIN Guide →


Castello di Reschio
เปรูเกีย, อิตาลีโดยทั่วไปแล้ว คนโรงแรมในอิตาลีต่างก็คุ้นเคยกับการทำงานกับอาคารเก่าแก่กันดี ทว่าสำหรับที่ Castello di Reschio ยิ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินอันกว้างใหญ่บนเนินเขาอันงดงามของแคว้นอุมเบรียใกล้กับชายแดนทัสคานี และมีอายุย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 10 ซึ่งทำให้เจ้าของ สถาปนิก และศิลปินต่างก็ทุ่มเทแรงสรรพกำลังในการบูรณะอย่างระมัดระวังโดยใช้เวลานานร่วมกว่าทศวรรษ
หากเมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ประจักษ์แล้ว คุณย่อมจะยอมรับว่ามันคุ้มค่าการรอคอย ห้องพักและห้องสวีททั้งหมดได้รับการออกแบบมาอย่างไม่มีที่ติและมีความหลากหลาย แต่ละห้องมีรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมอายุนับพันปี เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ร่วมสมัยของอิตาลี งานศิลปะและของตกแต่งเก่าแก่ต่าง ๆ ก็เปรียบประหนึ่งได้ดังเสียงสะท้อนของศตวรรษที่ล่วงไป ห้องสวีทขนาดใหญ่บางห้องตั้งอยู่ในอาคารใกล้เคียง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องเก็บของของโบสถ์ หากห้องหรูหราที่สุดนั้นครอบคลุมพื้นที่ถึง 5 ชั้นบนหอคอยโบราณภายในปราการ พร้อมทิวทัศน์อันงดงามของภูมิภาคอุมเบรีย


Rosewood Castiglion Del Bosco
ซีนา, อิตาลีความสงบเป็นส่วนตัวของโรงแรม Rosewood Castiglion Del Bosco เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยที่น่าชื่นชมเท่านั้น ยังมีอีกหลายสิ่งซึ่งทำให้ที่นี่ช่างโดดเด่น เช่น ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 4,500 เอเคอร์ บนผืนดินทำเกษตรสภาพสมบูรณ์เก่าแก่กว่า 800 ปี ซึ่งแน่นอนว่ามีวิวงาม ๆ ของชนบทเป็นฉากหลัง พื้นที่นี้ยังคงมีการผลิตไวน์กันอย่างอย่างแข็งขัน ส่วนใหญ่ประกอบด้วยพื้นที่อนุรักษ์สำหรับปลูกองุ่นหรือป่าไม้ ส่วนที่เหลือค่อย ๆ ได้รับการก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนกลายเป็นกลุ่มวิลล่าหินทราย โดยมีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ดั้งเดิมอย่าง Il Borgo เป็นหัวใจอยู่บริเวณกึ่งกลาง
แนวคิดหลักของโรงแรมคือต้องการให้แขกได้ดื่มด่ำกับภูมิทัศน์อันงดงามสงบได้อย่างเต็มอิ่ม และปรับจังหวะลมหายใจตัวเองให้เข้ากับความรื่นรมย์ของทัศคานี คุณสามารถจินตนาการตัวเองว่าอยู่ในยุคปี ค.ศ. 1552 และกำลังเดินเล่นอยู่บนที่ดินอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นสมบัติของตนเอง และมันช่างทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ทว่าในแง่ของความหรูหราของโรงแรมในแถบทัสคานี ที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่สุด มีห้องอาหารของโรงแรมอยู่สองแห่ง เสิร์ฟอาหารปรุงด้วยวัตถุดิบสวนครัวออร์แกนิก และยังมีชั้นเรียนสอนทำอาหาร สปาชั้นดี ตลอดจนพรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์กีฬาเพื่อสุขภาพมากมาย
จองโรงแรม Rosewood Castiglion Del Bosco กับ MICHELIN Guide →


JK Place Capri
กาปรี, อิตาลีด้วยสีพาสเทลอ่อน ๆ และลวดลายของวอลเปเปอร์ โรงแรม JK Capri ได้รับการตกแต่งอย่างคลาสสิก อ่อนโยน และยังสัมผัสได้ถึงสไตล์ชนบทของอังกฤษ โดยฝีมือของอินทีเรียดีไซเนอร์ Michele Bonan ห้องพักบางห้องมีระเบียงขนาดเล็กหันหน้าไปเห็นวิวทะเล ส่วนห้องเพนต์เฮาส์สวีท (แบ่งได้เป็นห้องเพนต์เฮาส์ 2 ห้องเชื่อมถึงกันสำหรับแขกที่เข้าพักด้วยกัน) มีระเบียงส่วนตัวกว้างขวางพร้อมดื่มด่ำทิวทัศน์ในมุมกว้างของอ่าวเนเปิลส์
JK Place เป็นหนึ่งในโรงแรมเพียงไม่กี่แห่งในคาปรีที่ตั้งอยู่ติดริมทะเล และยังแทบจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง เนื่องจากอยู่ในย่านเมืองโรมันเก่า บนหน้าผาที่มองเห็นท่าเรือ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่แสนมหัศจรรย์ซึ่งมีวิวงามของชายฝั่งทะเลอามาลฟี โดยคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินตีตั๋วเพิ่มเพื่อเข้าชมวิวงาม ๆ นี้แต่อย่างใด แถมยังเป็นโรงแรมระดับเฟิร์สคลาสที่รวมทุกอย่างที่คุณต้องการเอาไว้แล้วที่นี่อีกด้วย


Corte della Maestà
ซิวิตา ดิ บันนอเรโจ, อิตาลีคุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลออกนอกกรุงโรมก่อนที่หมู่บ้านในยุคกลางอย่าง ซิวิตา ดิ บันนอเรโจ จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นตระหง่านบนยอดเขาตรงหน้า ช่างเป็นนิมิตภาพอันงดงามมากจนยากที่จะเชื่อว่าครั้งหนึ่งชาวอิตาลีเคยตั้งฉายาให้กับเมืองแห่งนี้ว่า “la cittá che muore” ซึ่งแปลว่า “เมืองที่กำลังจะตาย” ด้วยภัยพิบัติธรรมชาติซึ่งเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในแถบชนบทแห่งนี้ในปี ค.ศ. 1685 ชาวเมืองต่างก็ละทิ้งบ้านเรือน รวมถึงบิชอปก็ละทิ้งสังฆมณฑลหนีเอาชีวิตรอด
จากความเป็นมาดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงสถานที่พักผ่อนอันสวยงามยิ่งที่บังเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ในหลายศตวรรษถัดมา ทว่าใกล้กับกรุงโรมที่สะดวกสบายเช่นนี้บรรยากาศยามเย็นช่างมีเสน่ห์เป็นพิเศษ แสงเทียนเรืองจากโคมไฟแก้วเนื้อดีส่องผ่านประตูกรอบไม้เลื้อย ไปยั้งซุ้มทางเดินหินโค้ง พื้นที่ซึ่งปูด้วยอิฐของอาคารเก่ามีจิตรกรรมฝาผนังปกคลุมทั่วเพดาน สว่างไสวไปด้วยไฟจากเตาผิงโบราณ ทุกห้องพักซึ่งมีอยู่เพียงห้าห้องตระการไปด้วยทิวทัศน์ แต่ละห้องได้รับการบูรณะด้วยความรัก ตกแต่งด้วยคอลเลกชันงานศิลปะและของโบราณดั้งเดิมของผู้เป็นเจ้าของสถานที่อันแสนวิเศษแห่งนี้


Casa Maria Luigia
โมเดนา, อิตาลีเดิมพันได้แน่นอนเลยว่าโรงแรมสไตล์บ้านในชนบทโดยเชฟระดับมือรางวัลอย่าง Massimo Bottura นั้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่น่าสนใจ โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ทั้งยังเป็นที่พักผ่อนอันน่าประทับใจในตัวเอง ด้วยห้องพักจำนวนเพียงแค่ 12 ห้อง Casa Maria Luigia มอบบรรยากาศใกล้ชิดเป็นกันเอง แต่ก็ไม่น่าเบื่อด้วยการออกแบบตกแต่งภายในสไตล์บูติกที่เปี่ยมชีวิตชีวา พร้อมคอลเลกชันเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยและงานศิลปะร่วมสมัยที่มีคุณภาพ แม้จะใช้เวลาขับรถเพียงแค่ 15 นาทีจากตัวเมืองโมเดนา แต่ผู้เข้าพักจำนวนมากก็พอใจที่จะอยู่แต่ภายในโรงแรม เพื่อซึมซับบรรยากาศของสวนและคฤหาสน์หลังงามนี้ ที่นี่ยังมีสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และฟิตเนสเซ็นเตอร์ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นแกลเลอรีศิลปะไปในตัวพร้อมกันอีกด้วย
จองโรงแรม Casa Maria Luigia กับ MICHELIN Guide →


Il San Pietro di Positano
โปซีตาโน, อิตาลีโบสถ์เล็ก ๆ ในศตวรรษที่ 17 ที่อุทิศให้กับนักบุญเปโตร เป็นสัญลักษณ์สู่ทางเข้าของโรงแรม และส่วนที่เหลือของที่พักนั้นตั้งอยู่บนริมผาทางด้านล่าง ไล่ระดับชั้นลดหลั่นกันลงมาตามหน้าผาขั้นบันได ฟังดูแล้วอาจดูน่ากังวลอยู่สักเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับความสูง แต่รับรองได้ว่ามอบประสบการณ์สุดประทับใจอย่างไม่มีที่ไหนเทียบได้ ห้องพักทุกห้องมีระเบียงที่มองเห็นวิวทะเล โรงแรมสร้างห้องในแนวลึก และไม่มีวิวของห้องพักไหนที่ด้อยไปกว่ากันเลย แต่ละห้องโอบล้อมไปด้วยหน้าผาทางด้านหลัง และเปิดออกสู่ระเบียงโล่งส่วนตัวทางด้านหน้า
ถึงแม้จะมีวิวที่สวยงาม หากการตกแต่งภายในก็ไม่ได้ถูกละเลย ห้องพักกว้างขวางกรุพื้นกระเบื้อง แต่ละห้องได้รับการออกแบบอย่างเฉพาะตัวและมีรสนิยม ห้องมาตรฐานและห้องดีลักซ์มีขนาดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ส่วนห้อง “พิเศษ” ก็มีรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น ห้องน้ำผนังกรุกระจกสำหรับอาบน้ำไปพร้อม ๆ กับดื่มด่ำชมวิวสุดตระการ
จองโรงแรม Il San Pietro di Positano กับ MICHELIN Guide →


Cipriani, A Belmond Hotel
เวนิส, อิตาลีThe Palazzo Vendramin เคยเป็นที่พักอาศัยของชนชั้นสูงในศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Hotel Cipriani ซึ่งประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีทจำนวน 16 ห้อง พร้อมบริการบัตเลอร์ส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าจากห้องพักเราสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของจัตุรัส St. Mark จากเหนือทะเลสาบ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการผนวก Palazzo เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักนับตั้งแต่โรงแรม Cipriani เปิดให้บริการในปี 1958 ห้องพักอาจเป็นสิ่งที่ดูล้าสมัยที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ ทว่าด้วยโทนสีแบบ Pale Venetian หรือสีแดงอ่อนสไตล์เวนิส ห้องน้ำขนาดกระทัดรัด และรูปลักษณ์ที่อาจดูโบราณเล็กน้อย แต่ทั้งหมดดังกล่าวก็ถือเป็นเสน่ห์มนต์ขลังของโลกยุคเก่าที่คุณหาสัมผัสจากไหนไม่ได้ง่าย ๆ
Cipriani ไม่ได้พรั่งพร้อมเพียงแค่สิ่งอำนวยความสะดวก แต่ยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศอย่างยิ่ง นอกจากนี้การตกแต่งที่ดูเรียบง่ายยังมีข้อดีคือไม่ดึงดูดให้คุณไข้เขวออกจากทัศนียภาพอันแสนบรรเจิด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ ในขณะที่โรงแรมอื่น ๆ มองออกไปเห็นวิวทะเลสาบและหมู่เกาะต่าง ๆ มีเพียง Cipriani เท่านั้นที่มอบวิวจากบนเกาะจูเดคกา (Giudecca) ไปยังตัวเมืองเวนิส และทิวทัศน์ของอาคารสีพาสเทลที่โผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำนั้นช่างแสนจะงดงามน่าทึ่ง จนต้องนึกสงสัยว่าจะไม่มีใครหลงใหลในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร
จองโรงแรม Cipriani, A Belmond Hotel กับ MICHELIN Guide →
ภาพเปิด: Corte della Maestà — Civita di Bagnoregio