คุณอาจจะคิดว่าขั้นตอนในการทำเบอร์เกอร์ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแค่นำเนื้อ ผัก ขนมปังมาวางซ้อนกัน แต่ถ้าคุณได้ลองเบอร์เกอร์ที่จัดชั้นอย่างตั้งใจแล้วละก็ คุณอาจจะลืมอาหารจานอื่นไปเลย ช่วงปีที่ผ่านมา เบอร์เกอร์กลายเป็นเมนูที่เชฟต่างให้ความสนใจและนำมาประยุกต์ใหม่จนกลายเป็นเมนูที่ต้องตามไปลอง เราขอนำเสนอเบอร์เกอร์ที่จะทำให้หัวใจคุณพองโต ทั้งจากร้านรางวัลดาวมิชลินและร้านเชฟผู้ชื่นชอบการรังสรรค์เบอร์เกอร์ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
Freebird (รางวัลมิชลินเพลท)
เนื้อเบอร์เกอร์ของร้าน Freebird ใช้เนื้อวัว 3 ส่วนผสมกัน โดยเชฟท็อปหมักเนื้อกว่า 24 ชั่วโมงด้วยเกลือ พริกไทยขาว ผงหัวหอมและผงกระเทียม เพื่อให้ได้รสชาติเนื้อที่ดีที่สุด ก่อนนำไปย่างรมควันเพื่อให้เนื้อมีความกรอบ นุ่ม และมีกลิ่นหอม จากนั้นวางเนื้อบนขนมปัง brioche โปะด้วยชีส Monterey Jack จากอเมริกา ราดด้วยซอสสูตรลับที่ใช้ส่วนผสมถึง 13 อย่าง แล้วโรยหัวหอมและ พริก jalapeños ดองสับละเอียด เบอร์เกอร์ทุกชิ้นจึงรสชาติเข้มข้นชุ่มฉ่ำจนคำสุดท้าย
Cocotte Farm Roast & Winery (รางวัลมิชลินเพลท)
ที่สุดของเรื่องสเต๊กต้องยกให้ ร้าน Cocotte จึงมั่นใจได้ว่าเมนู Cocotte Burger ของทางร้านจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ทางร้านใช้เนื้อวากิวจาก Rangers Valley ประเทศออสเตรเลีย ซ้อนด้วยเบคอนรมควัน ชีส Comté ผักกาดแก้ว และมะเขือเทศสดกรอบ แล้วราดด้วยซอสมัสตาร์ดสูตรเฉพาะของร้าน ก่อนนำไปประกบกับขนมปัง brioche โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟรายส์สีเหลืองทอง ลองเปิด instagram แล้วค้นหา #CocotteBurger เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
Surface
แม้หลายคนเข้าใจว่าร้าน Surface เสิร์ฟแต่อาหารฝรั่งเศส แต่จริง ๆ แล้วเบอร์เกอร์ของทางร้านก็อร่อยไม่แพ้ใคร เมนูเบอร์เกอร์ของทางร้านได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาที่เชฟชาลี กาเดอร์ใช้ชีวิตอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ เมนู Beef Sliders คือเบอร์เกอร์ Double-Double ร้าน In-N-Out ที่ใช้เนื้อวัวฮิมาวาริชั้นดี เสิร์ฟในบรรยากาศร่มรื่นของสวนกลางเมือง ตัวเบอร์เกอร์ทานได้ในคำเดียว เมื่อกัดผ่านเนื้อขนมปังแล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงซอสชีสรสเทาส์ซันไอแลนด์ตัดกับความชุ่มฉ่ำของเนื้อที่สุกระดับปานกลาง ตามด้วยความกรอบของหอมทอด ผักกาดแก้ว และมะเขือเทศ
Homeburg
เบอร์เกอร์ที่เรารู้จักมักเป็นอาหาร Fast Food ที่ไม่ต้องรอนาน แต่ไม่ใช่ที่ร้าน Homeburg ที่เชฟ Taiki Tsubota ใช้เวลารังสรรค์เบอร์เกอร์แต่ละชิ้นกว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติย่อมคุ้มค่ากับรอคอย เชฟ Taiki ได้คิดค้นสูตรลับเบอร์เกอร์แสนอร่อยที่มีแต่เนื้อเน้นๆ ที่ไม่ต้องตัดรสด้วยผัก (แต่ยังเอาใจคนรักผักด้วยเครื่องเคียงอย่างพริก jalapeños ถึง 7 กรัม) ชิ้นเนื้อชุ่มฉ่ำซ้อนด้วยชีสและเบคอนกรอบ ประกบด้วยขนมปังนมสดเนื้อนุ่มจากญี่ปุ่น ที่นำมาทามันบางๆ และย่างให้กรอบ ทำให้รสชาติของทุกองค์ประกอบเข้ากันได้อย่างลงตัว
Little Market
หลังจากร้านที่ตลาดน้อยต้องปิดตัวลง ตอนนี้ร้าน Little Market กลับมาเปิดอีกครั้งในรูปแบบร้านป๊อป-อัพที่ซอยเจริญกรุง 28 ระหว่างการหาที่ตั้งร้านใหม่ เชฟ Chet Adkins และเชฟ Jason Lang ใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งวัตถุดิบและขั้นตอนกับเมนู Triple-Double แสนชุ่มฉ่ำไม่ธรรมดา เชฟบรรจงปั้นเนื้อวัวแองกัสดำที่เลี้ยงด้วยหญ้าสดบ่มนานถึง 270 วันเป็นก้อนกลม แล้วนำไป “ทุบ” บนกระทะเพื่อให้รสชาติกระจายตัวทั่วทั้งแผ่น จากนั้น นำเนื้อ 2 แผ่นมาซ้อนกันแล้วซ้อนอีกชั้นด้วยชีส โรยด้วยผักดองทำเองและหัวหอม ก่อนราดด้วยมัสตาร์ดและมายองเนส
รีวิวร้าน Freebird จากผู้ตรวจสอบมิชลิน (รางวัลมิชลินเพลท)
บ้านหลังใหญ่โดดเด่นในสวนเขียวชอุ่ม กับสไตล์การตกแต่งร่วมสมัยประดับภาพศิลป์ ครัวที่นี่เป็นครัวเปิดโล่ง ม้านั่งสีสดใสแฝงเสน่ห์งานไม้แบบดิบๆ ที่เข้ากันดีกับโคมไฟสไตล์โมเดิร์น ทางร้านให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นหลัก มีการผสมผสานที่แปลกใหม่แต่ลงตัว สู่เมนูหลากหลายรสสัมผัส รังสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากทั่วโลก ตั้งแต่ออสเตรเลียถึงเอเชีย จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกค้าจะแน่นร้านเสมอในมื้อสายๆ ของวันหยุด
รีวิวร้าน Cocotte Farm Roast & Winery จากผู้ตรวจสอบมิชลิน (รางวัลมิชลินเพลท)
ร้านสเต็กบรรยากาศสบายๆ ภายใต้แนวคิด farm-to-table ที่ตั้งใจคัดสรรเนื้อคุณภาพดีจากฟาร์มที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่นี่มีครัวเปิดให้เชฟได้แสดงฝีมือให้เห็นกันสดๆ เพิ่มบรรยากาศสนุกและอรรถรสของมื้อนี้ คนรักเนื้อต้องไม่พลาดเมนูขึ้นชื่ออย่าง tomahawk เนื้อวากิวออสเตรเลียหนักถึง 1.4 กก. ที่สามารถสั่งมาแบ่งกันได้หลายคน แนะนำให้โทรมาจองโต๊ะล่วงหน้า หรือจะ walk in แล้วมาจิบค็อกเทลระหว่างรอที่บาร์ก็ไม่เลว
