สิ่งที่น่าสนใจ 4 minutes 29 พฤศจิกายน 2023

Embassy Room และ Sra Bua by Kiin Kiin นำรสชาติต้นตำรับขนานแท้จาก “บ้านเกิด” มาสู่โต๊ะอาหารของร้านได้อย่างไร

พบกับเรื่องราวแสนน่าทึ่งที่เชฟ Ferran Tadeo และเชฟ Henrik Yde-Andersen แสดงตัวตนของพวกเขาผ่านอาหารจานอร่อยที่เป็นดั่งงานคราฟต์

เป็นเวลาหลายชั่วอายุคนที่ชาวประมงนอกชายฝั่งคอสตาบราวามักจะเตรียมสตูง่าย ๆ ที่ปรุงจากปลา มันฝรั่ง และอัลยอลีหรือมายองเนสกระเทียมที่ทำสดใหม่ เพื่อเป็นอาหารรับประทานง่าย ๆ บนเรือ และในโตสซาเดมาร์ หมู่บ้านชายฝั่งเล็ก ๆ แถบแคว้นกาตาลุญญา เชฟเฟร์รัน ตาเดโอ (Ferran Tadeo) ได้ลิ้มรสอาหารจานนี้เป็นครั้งแรกบนระเบียงของร้านอาหารซึ่งมองเห็นวิวชายหาด เมนูสตูตำรับโปรดของชาวประมงดังกล่าวมีชื่อว่า “Cim i Tomba” ซึ่งหยั่งรากลึกในวิถีการเดินเรือแถบนี้มาช้านาน เป็นจานเด็ดที่เชฟเดอคูซีนของห้องอาหาร Embassy Room ได้นำมาประดับอยู่ในเมนูที่ร้านรางวัลมิชลินประจำปี 2566 ของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ

“ผมเติบโตมาแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใช้ชีวิตอยู่ริมชายหาด ตกปลา และได้อยู่ใกล้ชิดกับทะเล” เชฟเฟร์รันกล่าว “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมนูโปรดส่วนใหญ่ของผมจึงมักปรุงด้วยอาหารทะเล”

เชฟเฟร์รันกับทีมครัวแห่งร้าน Embassy Room (© Embassy Room)
เชฟเฟร์รันกับทีมครัวแห่งร้าน Embassy Room (© Embassy Room)

มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เป็นมรดกตกทอดจากการที่เขาเองเป็นชาวบาร์เซโลนาโดยกำเนิด ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประสบการณ์การทำอาหารคาตาลันอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหาร ตั้งแต่ขนมปังโฮมเมดแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า Coca d'oli ซึ่งปรุงด้วยมะเขือเทศ เสิร์ฟแบบกรอบและร้อนด้วยน้ำมันมะกอก ไปจนถึงข้าวสเปนกับกุ้งแดงและอัลยอลี ชวนให้นึกถึงเมนูข้าวทะเลหลากหลายชนิดที่พบได้ตามชายฝั่งคาตาลัน

เช่นเดียวกับที่แบรนด์ S.Pellegrino ได้สืบสานประเพณีแห่งความเป็นเลิศ ซึ่งสืบต่อกันมายาวนานถึงกว่า 120 ปี เพื่อส่งมอบน้ำแร่อัดแก๊สธรรมชาติที่ดีที่สุดมาสู่โต๊ะรับประทานอาหารชั้นเลิศ เชฟเฟร์รันเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นของแท้ต้นตำรับโดยกล่าวว่า “หากต้องการเป็นต้นตำรับที่แตกต่าง คุณต้องเป็นตัวของตัวเอง” เขาเชื่อว่าอาหารควรสะท้อนถึงต้นกำเนิด การเดินทาง และผู้คนที่คุณได้ร่วมงานด้วย ท้ายที่สุดแล้วนั่นคือสิ่งที่ทำให้ทั้งอาหารและร้านอาหารมีบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ พิเศษ แตกต่างจากร้านอื่น ๆ

กุ้งแดงเมดิเตอร์เรเนียนที่มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านชาวประมงปาลาโมส (Palamós) บนชายฝั่งคอสตาบราวา เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ปัจจุบันเชฟใช้ปรุงในเมนูเด็ดของเขา ซึ่งเป็นจานพิเศษจากความทรงจำที่เขาเคยรับประทานเมื่อครั้งยังเป็นเด็กในบางโอกาส เช่น ในงานเฉลิมฉลองของครอบครัว อาหารตามฤดูกาลที่ร้านอาหาร เช่น พาสตาตำรับคาตาลันอย่าง Fiedeus a la Cassola และเห็ดตามฤดูกาลกงฟีกับมิกัส (Migas) หรืออาหารเช้าตำรับสเปนที่ทำจากขนมปังเหลือใส่ไส้กรอกโชริโซ ​​เป็นการยกย่องความทรงจำในวัยเด็กที่ได้ทำอาหารที่บ้านกับแม่ หรือไม่ก็ช่วงเวลาอันน่าจดจำที่ได้รับประทานทาปาสกับก๊วนเพื่อนยามตระเวนเที่ยวบาร์ในบ้านเกิด นั่นทำให้สลัดปูกับไข่และมายองเนสได้เสิร์ฟขึ้นโต๊ะที่ห้องอาหารเอ็มบาสซีพร้อมกับซาลาเปาทอด ซึ่งสะท้อนถึงช่วงเวลา 5 ปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกง

“ที่พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เราปฏิบัติต่อวัตถุดิบและส่วนผสมต่าง ๆ ด้วยความเคารพ โดยปล่อยให้อาหารแสดงตัวตนของมันเองออกมา” เชฟจัสติน บาซิก (Justin Baziuk) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กล่าวเสริม “การเติบโตและวิถีชนบทในนิวซีแลนด์เป็นทั้งมรดกตกทอดและเครื่องเตือนใจให้ผมยังคงรักษาไว้ซึ่งความเรียบง่ายโดยไม่ซับซ้อนสิ่งต่าง ๆ มากจนเกินไป”


เชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์เซน แห่งร้านสระบัว บาย กิน กิน (© Sra Bua by Kiin Kiin)
เชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์เซน แห่งร้านสระบัว บาย กิน กิน (© Sra Bua by Kiin Kiin)

ที่โต๊ะอาหาร เมื่อบรรดาเชฟได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของพวกเขา ช่วงเวลาพิเศษอันน่าจดจำที่สุดในชีวิตก็ได้บังเกิดขึ้น S.Pellegrino เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์แห่งอาหารสามารถนำพาผู้คนมารวมกัน เป็นที่ซึ่งเราจะเปล่งประกาย แบ่งปัน และเชื่อมโยงถึงกันและกัน

ในทำนองเดียวกัน เชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์เซน (Henrik Yde-Andersen) เชฟผู้ก่อตั้งสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2566 ก็ได้มีการพัฒนาเมนูอาหารไทยสมัยใหม่ให้เข้ากับฤดูกาล โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของเชฟเกี่ยวกับวัตถุดิบตามฤดูกาลสมัยที่เติบโตในฟาร์มที่เดนมาร์กและสเปน

เชฟเฮนริกเล่าถึงประสบการณ์ตอนไปเสาะหาเห็ดชานเทอเรลและเห็ดเซปในป่าที่เดนมาร์ก โดยเขาเล่าว่าในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเห็ดมอเรลนั้นหาได้ยากนัก แต่ก็ยังพบได้ตามตลาดของกรุงปารีส โดยปรุงยัดไส้ด้วยมูเซลีนไก่ ความทรงจำนี้คือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์หนึ่งในเมนูใหม่ที่ร้านในเซตอาหาร Winter Journey นั่นคือ “ต้มข่ามอเรลยัดไส้เห็ด” โดยเน้นรสชาติที่เข้มข้นของเห็ด ผสมกับเห็ดไทยในท้องถิ่นที่กลิ่นรสเบากว่า เสริมด้วยกลิ่นหอมเข้มของเห็ดทรัฟเฟิลสีดำสด

“ความเป็นของแท้ต้นตำรับคือการสรรค์สร้างวิถีทางใหม่ ๆ” เขากล่าว ทั้งยังอธิบายถึงอิสรภาพที่เขารู้สึกได้ในการคิดและออกนอกกรอบเมื่อแรกเปิดตัว Sra Bua by Kiin Kiin ในปี 2553 “ผมไม่มีแม่เป็นคนไทยที่จะคอยบอกว่าอาหารแบบนี้ถูกต้องหรือผิดเพี้ยน” เขาอธิบายว่ารสชาติที่คุ้นเคยของอาหารไทยในแบบดั้งเดิมยังคงได้รับการคงไว้ พร้อมด้วยความสมดุลและกลมกลืนของรสชาติหวาน เค็ม ขม และเผ็ด ซึ่งนำเสนอผ่านองค์ประกอบอันประณีต โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารระดับสากลและสมัยใหม่

ด้วยการไม่ยึดติดกับประเพณีดั้งเดิม เชฟเฮนริกจึงสามารถใช้แรงบันดาลใจที่แตกต่างกันเพื่อรังสรรค์อาหารจานต่าง ๆ เช่น ซุปกงซอเมเป็ดและเครื่องเทศทั้ง 5 เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงเป็ดโฮมเมด 3 ชนิด ได้แก่ ไส้กรอกเป็ด ลาบเป็ดรสแซบ และลิ้นเป็ด “ซุปนี้ทำให้ผมนึกถึงคริสต์มาส” เขากล่าว ทั้งยังอธิบายว่าอาหารจานนี้ในเมนู Winter Journey เป็นการแสดงความเคารพต่อประเพณีดื่มมัลด์ไวน์ (Mulled Wine) หรือไวน์ผสมเครื่องเทศของยุโรปที่นิยมดื่มกันในช่วงเทศกาล

เชฟคาร์โล วาเลนเซียโน (Carlo Valenziano) เป็นอีกคนที่เห็นพ้องเช่นกันว่าความทรงจำเป็นแรงบันดาลใจหลักในการพัฒนาไอเดียของอาหาร “เรามักได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำ แต่ยังรวมถึงธรรมชาติ ฤดูกาล ตลาด สถานที่ และอารมณ์ด้วย” หัวหน้าพ่อครัวใหญ่แห่งโรงแรมสยามเคมปินสกี้กล่าว เมื่อพูดถึงไลฟ์สไตล์การทำอาหารและความหลงใหลในการต้อนรับอย่างมีไมตรี เชฟที่เกิดในอิตาลีอย่างเขาให้เครดิตถึงภูมิหลังความเป็นชาวยุโรปของตัวเองว่าเป็นดั่งสารานุกรมแห่งแรงบันดาลใจ “ที่ Sra Bua by Kiin Kiin และโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เราส่งเสริมทีมงานทั้งด้านอาหารและการบริการ เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด” เขากล่าว “ผมเชื่อมั่นว่าเราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าจดจำและมอบช่วงเวลาอันแสนพิเศษให้กับแขกทุกท่านต่อไป”

เช่นเดียวกับเชฟมากความสามารถคนอื่น ๆ ที่มาจากภูมิหลังอันหลากหลาย ทั้งเชฟเฟร์รัน ตาเดโอ และเชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์เซน ยังคงนำสิ่งที่ดีที่สุดของตนมาเสิร์ฟ โดยนำเสนอรสชาติอันเป็นธรรมเนียมจากบ้านเกิดด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารจานเด็ดสุดพิถีพิถันของพวกเขา เสริมเคียงข้างด้วยน้ำแร่ธรรมชาติจาก S.Pellegrino ที่ชุมชนเชฟไว้วางใจ ทั้งยังช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจรวมถึงสร้างคุณค่าให้กับร้านอาหารในกรุงเทพฯ และยังมีส่วนในการสนับสนุนให้ภูมิทัศน์ด้านอาหารนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

สัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารรสเลิศสุดเยี่ยมจากทั่วโลก พร้อมเพลิดเพลินดื่มด่ำไปกับรสชาติของชีวิตสไตล์อิตาลีที่ร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน สระบัว บาย กิน กิน โรงแรมสยามเคมปินสกี้ และ Embassy Room ร้านแนะนำของ ‘มิชลิน ไกด์’ ที่พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ โรงแรมที่ติดอยู่ลิสต์ ‘มิชลิน ไกด์’ ด้วยเช่นกัน


เกี่ยวกับ S.Pellegrino และ Acqua Panna
S.Pellegrino และ Acqua Panna คือเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศของ Sanpellegrino S.p.A. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จัดจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ ผ่านสาขาและผู้จัดจำหน่ายในทั้ง 5 ทวีปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบรนด์นี้ล้วนแสดงออกถึงคุณภาพและความเป็นเลิศจากแหล่งต้นกำเนิด และสื่อถึงความเป็นอิตาเลียนสไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังเป็นภาพสะท้อนถึงความสุข สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี Sanpellegrino S.p.A. ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1899 โดยเป็นบริษัทชั้นนำในภาคเครื่องดื่มของอิตาลี นำเสนอน้ำแร่ เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มต่าง ๆ Sanpellegrino มุ่งมั่นที่จะยกระดับความดีงามอันเป็นแก่นหลักในการดำเนินกิจการมาโดยตลอด รวมถึงมีความรับผิดชอบและกระตือรือร้นเพื่อให้แน่ใจว่าดำเนินธุรกิจและใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่า เพื่อมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้


สิ่งที่น่าสนใจ

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ