ภาคอีสานไทยอาจไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักสำหรับชาวต่างชาติเทียบเท่ากับภาคเหนือที่มีเมืองไฮไลต์ยอดนิยมชื่อดังอย่างเชียงใหม่ หรือภาคใต้ซึ่งมีภูเก็ต แต่เชื่อเถอะว่าภาคอีสานของไทยนั้นน่าสนใจไม่แพ้ภาคไหน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีที่อยู่ใจกลางภาคก็มีเสน่ห์ครบรส ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ โดยเป็นที่ตั้งของบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณวัตถุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันงดงามน่าตื่นตาตื่นใจอย่างทะเลบัวแดง และที่พลาดไม่ได้คืออาหาร ซึ่งไม่ได้มีเพียงอาหารอีสานรสแซ่บเท่านั้น อุดรธานียังเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม มีอาหารของคนไทยเชื้อชาติญวนและลาวซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนในดินแดนที่ราบสูงแห่งนี้
เราขอชวนทุกท่านไปเปิดแผนผจญภัย 2 วันในอุดรธานี ที่หากใครได้ลองไปเยือนแล้วรับรองว่าจะมหัศจรรย์ในความม่วนแซ่บ ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันได้เลย
วันที่ 1: ซึมซับประวัติศาสตร์บ้านเชียง ชมบรรยากาศเมืองอุดรฯ
ยามเช้า
เราขอแนะให้บินไฟลต์เช้า คุณจะได้มีเวลาเที่ยวอุดรฯ กันได้เต็มอิ่ม เมื่อเครื่องแลนด์แล้วให้ตรงไปยังแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ในอำเภอหนองหาน ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียงชั่วโมงเดียว องค์การยูเนสโกได้จดทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 5,000 ปี มีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุน่าสนใจทรงคุณค่ามากมาย ทั้งเครื่องปั้นดินเผา โครงกระดูก เครื่องมือเครื่องใช้โบราณต่าง ๆ นอกจากนี้ยังจะได้ศึกษาวัฒนธรรมของชาวไทพวนที่เข้ามาตั้งรกรากยังแถบนี้ โดยสามารถใช้เวลาละเลียดชมและศึกษาประวัติศาสตร์กันได้เพลินตลอดช่วงเช้า
ยามบ่าย
หากต้องการเปิดประสบการณ์อาหารอีสานรสแซ่บ แนะให้รีบนั่งรถกลับเข้าไปในตัวเมืองก่อนมื้อเที่ยงเล็กน้อย เพื่อไปที่ครัวคุณนิด ร้านรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 เพื่ออิ่มอร่อยกับเมนูอาหารอีสานที่เน้นปลาน้ำจืด เมนูชูความโดดเด่นของอาหารตามฤดูกาล รวมทั้งเมนูคลาสสิกอย่างปลาส้มทอดหนังกรอบ เนื้อปลาสดฉ่ำละมุนลิ้น และต้มยำปลาช่อนรสเด็ด เป็นร้านเด็ดที่เสิร์ฟความแซ่บมายาวนานถึง 40 ปี เมื่อเติมพลังแล้วก็จะได้ตระเวนเที่ยวในตัวเมืองอุดรฯ กันต่อ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ที่นอกจากจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุดรฯ แล้ว ด้านนอกของตึกยังเป็นสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกที่น่าชมพร้อมแชะภาพงาม ๆ เป็นอย่างยิ่ง
ยามเย็น
แดดร่มลมตกแล้ว ชวนไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำคัญของชาวอุดรฯ ซึ่งมีน้องเป็ดยางสีเหลืองสุดน่ารักตัวยักษ์ที่ใครต่อใครมาอุดรฯ ก็ต้องมาเก็บภาพด้วย หลังจากนั้นในมื้อเย็นขอแนะนำให้ไปที่ซาหมวย & ซันส์ ร้านรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 เพื่อลิ้มรสอาหารอีสานร่วมสมัย ที่นี่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากตลาดพื้นบ้าน ฟาร์มออร์แกนิก หรือแม้แต่ป่าในพื้นที่ แนะนำให้ลองเทสติงเมนูตามฤดูกาล (เสิร์ฟเฉพาะมื้อเย็น ต้องจองล่วงหน้า) แล้วคุณจะรู้ว่าอุดรฯ ไม่ได้มีแค่อาหารท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังมีอาหารร่วมสมัยใส่ความคิดสร้างสรรค์ที่นำภูมิปัญญามาต่อยอดได้อย่างน่าภาคภูมิ
วันที่ 2: ชมมหัศจรรย์ทะเลบัวแดง ชอปชิมที่ตลาดเวียดนาม
ยามเช้า
ตื่นแต่เช้ามาเติมพลังกับข้าวเปียกเส้น วัฒนธรรมการกินของชาวเวียดนามซึ่งแพร่หลายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวไทยอีสานกันที่ร้านอร่อยระดับการันตีด้วยรางวัลบิบ กูร์มองด์ อย่างร้านข้าวเปียกอุดร ที่เปิดตั้งแต่ตีห้าครึ่งเป็นประจำทุกวัน ร้านตกแต่งอย่างสวยงามทันสมัยน่านั่ง แน่นอนว่าเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านคือข้าวเปียก น้ำซุปหมูกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์เพราะใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุปกว่า 8 ชั่วโมง ส่วนเนื้อหมูนุ่มสุด ๆ หมูย่างตะไคร้เสียบไม้กับหมูยอเลื่องชื่อของร้านก็เป็นอีกเมนูเด็ดห้ามพลาดจากนั้นขอเชิญไปชมทะเลบัวแดงในช่วงสาย ทะเลบัวแดงตั้งอยู่ในบึงหนองหาน แหล่งน้ำจืดธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 36 ตารางกิโลเมตร อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปีดอกบัวแดงจะเบ่งบานมากที่สุด นักท่องเที่ยวจะได้เห็นดอกบัวแดงบานเต็มผืนน้ำดูน่ามหัศจรรย์ นับเป็นทะเลบัวที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย
ยามบ่าย
นั่งรถกลับเข้ามาในตัวเมืองเพื่อเติมพลังมื้อเที่ยงกันที่ร้านระเบียงพัชนี ที่ได้รับคัดเลือกอยู่ในไกด์ปกแดงเล่มปัจจุบัน ชิมเมนูยอดนิยมอย่างเป็ดเสวยเนื้อปู เป็ดกรอบราดน้ำปรุงรสโรยหน้าด้วยเนื้อปู และขนมเบื้องญวนรสเด็ด เมื่ออิ่มอร่อยดีแล้วแวะไปเดินเล่นชิมและชอปต่อกันที่เวียดนามทาวน์ ตั้งอยู่บนถนนศรีสุข ซอย 2 ย่านที่ชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอาศัยกันอยู่มาก ตลาดนัดนี้เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอดเส้นทางมีสารพัดอาหารญวนอร่อย ๆ ให้ลิ้มลอง รวมถึงกาแฟเวียดนามให้จิบในบรรยากาศย้อนยุค เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-15.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ รับรองว่ามีจุดถ่ายรูปสวยชิกเพียบ
ยามเย็น
มาถึงเมืองแหล่งธรรมะกันทั้งที แวะชมความสวยงามและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวอุดรฯ เพื่อเป็นสิริมงคล แนะนำให้ปักหมุดไปที่วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง วัดเก่าแก่สำคัญคู่เมืองอุดรธานี ชมพระอุโบสถและเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม มีไฮไลต์คือพระพุทธรัศมี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย อายุราว 600 ปี และพระพุทธรูปศิลาแลงปางประธานพรสมัยลพบุรี เก่าแก่กว่า 1,300 ปี เรียกได้ว่าวัดนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอุดรฯ เลยทีเดียวก่อนกลับอย่าลืมจัดอาหารอีสานสุดแซ่บส่งท้ายกันสักนิด เราแนะนำร้านอาหารอีสานในคู่มือสุดอร่อยแถมไม่ต้องรอนาน (ผู้ตรวจสอบของเราบอกมา) อย่างลาบหมูวรชัย ที่นี่เชี่ยวชาญการปรุงอาหารอีสานต้นตำรับจากเนื้อหมู จานเด็ดไม่พ้นลาบหมูสมชื่อร้าน นับเป็นการจบทริปอุดรฯ ได้อย่างม่วนซื่นใจ
ทราบพิกัดเที่ยวเมืองอุดรฯ กันแล้ว วางแผนจองตั๋วไปเที่ยวม่วนซื่นกันได้เลย และหากต้องการอัปเดตสถานที่ท่องเที่ยวก่อนเดินทาง สามารถสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมกับ TAT Call Center เบอร์ 1672 Travel Buddy กันได้เลย
อ่านต่อ: เปิดคู่มือเที่ยวอุบลราชธานี เมืองชายแดนอีสานที่ครบเครื่องทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และของกินแซ่บ
ภาพเปิด: © Tourism Authority of Thailand
ภาพเปิด: © Tourism Authority of Thailand
โพสที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ได้รับความร่วมมือจาก Tourism Authority of Thailand
