สำหรับ “มิชลิน ไกด์ ไดน์นิ่ง ซีรี่ย์” ครั้งที่ 4 ประจำปี 2562 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ เชฟฮานส์ ซาห์เนอร์ (Hans Zahner) จากร้าน Elements บนโรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ และเชฟแดน บาร์ค (Dan Bark) โอปป้าเจ้าของร้าน Upstairs at Mikkeller จะจับมือกันมอบความอร่อยส่งท้ายปี เชฟทั้งสองมีภูมิหลังที่ต่างกันสุดขั้ว เชฟฮานส์เรียนรู้การทำอาหารอย่างเป็นขั้นตอน มีวินัย โปรไฟล์ของเขาอันอัดแน่นไปด้วยร้านและโรงแรมระดับโลก ส่วนเชฟแดนนั้นตรงกันข้าม เขาคิดนอกกรอบ ผสานอาหาร 3 สไตล์ทั้งเกาหลี ไทย และตะวันตกเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นเมนูอันน่าทึ่ง ทั้งคู่ต่างเป็นหัวหอกร้านรางวัล 1 ดาวมิชลิน พวกเขาจะมาร่วมมือกันรังสรรค์เมนูที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือนภายใต้แนวคิด “The Japanese Influence” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการที่อิทธิพลอาหารญี่ปุ่นดูจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทั้งคู่มีร่วมกัน
เชฟฮานส์กล่าวว่า “ดิ โอกุระ เพรสทีจเป็นโรงแรมจากญี่ปุ่นแห่งแรกในกรุงเทพฯ ในฐานะที่เป็นคนฝรั่งเศส ผมจึงอยากรังสรรค์อาหารฝรั่งเศสซึ่งไม่เหมือนใครด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากญี่ปุ่นครับ ผมอยากนำเสนอแนวคิดของทางร้านที่นำเสนออาหารฝรั่งเศสซึ่งสอดแทรกความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ด้วย” เชฟฮานส์สั่งสมประสบการณ์ทำอาหารมานานในกรุงปารีส เคยร่วมงานกับร้านชื่อดังมากมาย หนึ่งในนั้นคือร้าน Lasserre (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
อาหารฝรั่งเศสเน้นรสชาติเข้มข้น ส่วนอาหารญี่ปุ่นจะเน้นความสด มองเผิน ๆ อาจจะต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ที่จริงแล้ว อาหารทั้งสองชาติต่างให้ความสำคัญกับความสมดุล ความแม่นยำ และเทคนิค เมื่อนำมาผสานกันก็เทียบได้กับผลงานศิลปะชั้นดี
เชฟแดนจะช่วยนำความหลากหลายมาเสริมทัพรสชาติสไตล์ฝรั่งเศส เชฟแดนเป็นชาวเกาหลีที่มีโอกาสได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ร้านระดับ 2 ดาวมิชลินอย่าง Avenues ในเมืองชิคาโก ร้าน Upstairs at Mikkeller ของเขาสร้างชื่อจากอาหารสไตล์อเมริกันที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส เชฟแดนกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เขารังสรรค์กับสิ่งที่คนทั่วไปคิดเมื่อพูดถึงอาหารอเมริกันว่า “คำว่า ‘อเมริกัน’ ของผมไม่ได้หมายถึงแค่สเต็กกับเฟรนช์ฟรายส์ครับ แต่มันหมายถึงแหล่งรวมวัฒนธรรมและอาหารอันหลากหลาย”
อ่านเพิ่มเติม: The First Day I Got My Michelin Star: Dan Bark Of Upstairs At Mikkeller In Bangkok
วัตถุดิบหลักของมื้อค่ำนี้ประกอบด้วยปูจักรพรรดิ คาเวียร์จากคาเวียรี (Kaviari) หอยนางรม Boudeuse เนื้อวากิว และเห็ดทรัฟเฟิล ผสานออกมาเป็นเมนูแสนสร้างสรรค์ ที่อาจจะดูไม่เข้ากัน แต่ลงตัวแน่นอน เหมือนคู่หยินหยาง เราขอยกตัวอย่างเรียกน้ำย่อย ร้าน Elements จะนำกุ้ง Langoustine จากนอร์เวย์มารังสรรค์คู่กับกระเทียมดำ Kuro Ninniku ร้าน Upstairs at Mikkeller จะนำวัตถุดิบญี่ปุ่นที่ทุกคนคุ้นเคยมานำเสนอในรูปแบบที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น Wagyu Beef Tartare Fermented Beets และ Cured Yolk
เมนูต่างวัฒนธรรมเหล่านี้จะถูกจับคู่กับไวน์ชั้นเลิศจากไร่ Château de Beaucastel อันโด่งดัง ไวน์แต่ละขวดอัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์ บ่มด้วยองุ่นที่สืบสายพันธุ์มายาวนานจากหุบเขา Rhône ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ครอบครัว Perrin ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ Château de Beaucastel มาตั้งแต่พ.ศ. 2452 ถือเป็นผู้บุกเบิกการทำไร่ไวน์ออร์แกนิค พวกเขาเริ่มปลูกองุ่นแบบชีวพลวัต (Biodynamic Farming) มาตั้งแต่พ.ศ. 2518 ดูแลไร่แบบออร์แกนิคมาเกือบครึ่งศตวรรษ
งาน “มิชลิน ไกด์ ไดน์นิ่ง ซีรี่ย์” ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 29 และ 30 ตุลาคม 2562 ที่ร้าน Elements บนโรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ เมนูน่าตื่นตามีทั้งหมด 10 คอร์ส เป็น canapés 1 คอร์สและของหวาน 2 คอร์ส พร้อมจับคู่ไวน์ สำหรับครั้งนี้เป็นไพรเวทอีเวนต์ ทุกที่นั่งสำรองไว้สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรเชิญเท่านั้น
รีวิวร้านเอเลเมนท์ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) จากผู้ตรวจสอบมิชลิน
วิวเมืองอันตระการตาเบื้องล่างที่มองเห็นจากระเบียงร้านบนชั้น 25 ของโรงแรม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเดทแสนพิเศษ ภายในร้านตกแต่งอย่างสุดชิคสร้างความโดดเด่นให้กับครัวเปิด พร้อมโคมไฟขนาดใหญ่สไตล์อินดัสเทรียลและผนังที่ทำจากไม้ถ่าน หนึ่งในองค์ประกอบที่ลงตัวอันเป็นที่มาของชื่อร้าน อาหารของที่นี่เป็นแบบฟิวชั่นที่ผสมผสานระหว่างอาหารฝรั่งเศสและอาหารญี่ปุ่น ทั้งยังมีเซตเมนูที่รวมหลากหลายรายการไว้ด้วยกัน
รีวิวร้าน Upstairs at Mikkeller (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) จากผู้ตรวจสอบมิชลิน
ร้านอาหารขนาด 12 ที่นั่งแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของเบียร์บาร์สุดฮิตด้วยมาตรฐานที่เหนือกว่าบาร์ทั่วไป ที่ร้านเสิร์ฟเพียงเซตเมนู 10 คอร์สเท่านั้น เจ้าของเป็นเชฟหนุ่มชาวเกาหลีผู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากชิคาโก จากการออกแบบร้านสไตล์มินิมอลลิสต์ทำให้ครัวเปิดของร้านและอาหารที่สรรสร้างอย่างมีศิลป์กลายเป็นจุดสนใจ เมนูที่นี่จะเปลี่ยนตามฤดูกาล ทั้งยังมีเบียร์หลากหลายสัญชาติมาจับคู่ช่วยเพิ่มรสชาติอีกด้วย