ร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกและจัดอันดับอยู่ในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับนี้เป็นร้านอาหารใหม่ทั้งหมด 57 แห่ง โดยในจำนวนนี้มีร้านอาหาร 2 แห่งที่ได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลินได้แก่ ร้าน Christophe Bacquié และร้าน La Maison des Bois - Marc Veyrat
ร้าน Christophe Bacquié ในโรงแรม Hotel du Castellet เป็นร้านอาหารที่ตั้งชื่อตามเชฟของร้าน โดยนำเสนอเมนูพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน อาทิ modern aioli, Mediterranean Octopus, และเมนูจานผักจากชาวสวนท้องถิ่น
ไมเคิล เอลลิส (Michael Ellis) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ทั่วโลก กล่าวว่า “ ร้านอาหาร Christophe Bacquié นำเสนออาหารคุณภาพชั้นเลิศ ที่มีชีวิตชีวาน่าหลงใหล ด้วยวัตถุดิบสดสะอาดและหาได้เฉพาะในท้องถิ่น อาหารทุกจานล้วนสร้างความทรงจำให้แก่ผู้ที่ได้ลิ้มลอง นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านความคิดสร้างสรรค์ และความเชี่ยวชาญในเทคนิคการปรุงอาหารของเชฟผู้มากประสบการณ์”
เชฟ Marc Veyrat เจ้าของร้านอาหาร La Maison des Bois - Marc Veyrat ในเมือง Manigod แห่งนี้ นำเสนออาหารที่เน้นการใช้วัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่นเป็นหัวใจสำคัญ
ไมเคิล เอลลิส (Michael Ellis) กล่าวว่า “เชฟ Marc Veyrat เป็นผู้หลงใหลในเรื่องพฤกษศาสตร์ เขาใช้พืชผักสมุนไพรและดอกไม้ที่หาได้จากธรรมชาติในแคว้น Savoy ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นเอกลักษณ์ และความพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับลูกค้าของเขา”
ร้านอาหารใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกและจัดอันดับในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศฝรั่งเศส ประจำปีพ.ศ. 2561 ประกอบด้วย ร้านอาหาร 2 ดาวมิชลิน 5 แห่ง และร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน 50 แห่ง จากการสำรวจร้านอาหารในปีนี้ ผู้ตรวจสอบของ “มิชลิน ไกด์” ให้ข้อสังเกตว่า ร้านอาหารต่างให้ความสำคัญกับการนำเสนออาหารคุณภาพสูงในราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น รวมถึงเมนูหาทานยากที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ในการปรุงอาหาร
จากผลการคัดเลือกร้านอาหารของ “มิชลิน ไกด์” ประจำปีพ.ศ. 2561 แสดงให้เห็นว่า เมืองปารีสมีเชฟจากทั่วทุกมุมโลก เช่น ร้าน Pertinence ของเชฟคู่ขวัญ Ryunosuke Naito และ Kwen Liew ที่นำเสนออาหารฝรั่งเศสโดยใช้เทคนิคการปรุงแบบญี่ปุ่น, ร้าน MONTEE ของเชฟ Takayuki Nameura จากเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น, ร้าน Alan Geaam ที่ตั้งชื่อตามเชฟของร้านผู้ซึ่งเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารด้วยตนเอง นำเสนออาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นเลบานอนบ้านเกิดของเขา, ร้าน Copenhagen ร้านอาหารสไตล์เดนมาร์กที่กำกับดูแลโดยเชฟ Andreas Moller ตั้งอยู่บนชั้น 1 ของ Maison du Danemark ถนน Champs Elysees, ร้าน Mavrommatis ของเชฟ Andréas Mavrommatis ผู้นำเสนออาหารเลิศรสสไตล์กรีกและเมดิเตอร์เรเนียนในใจกลางเขต 5 ของกรุงปารีส, และร้าน Comice ที่ออกแบบโดยเชฟชาวแคนาดา Noam Gedalof กับเพื่อนของเขา Etheliya Hananova ผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งพนักงานต้อนรับลูกค้า และ sommelier (ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์)
ผู้ตรวจสอบมิชลินได้เดินทางสำรวจร้านอาหารทั่วประเทศฝรั่งเศสและให้ความเห็นว่า เชฟและทีมงานร้านอาหารต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการนำเสนออาหารคุณภาพสูงในราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น รวมทั้งเมนูหาทานยากที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งหลายร้านเป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน อาทิ ร้าน L'Auberge de la Tour ในหมู่บ้าน Marcoles เมือง Cantal ที่เชฟ Renaud Darmanin นำเสนออาหารที่ใช้ศาสตร์การปรุงขั้นสูงในราคาเพียงเมนูละ 22 ยูโร, ร้าน Le Marcq ที่ Marcqen-Baroeul ใกล้กับเมือง Lille ที่เชฟ Abdelker BELFATMI เสิร์ฟอาหารในราคาเมนูละ 38 ยูโร, ร้าน Intuition ใน Saint Lo, และร้าน La Merise ใน Laubach ในแคว้น Alsace
ร้านอาหารบนเกาะ Corsica ในปีนี้มีร้านอาหาร 2 แห่งที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน ได้แก่ ร้าน U Santa Marina ใน Porto-Vecchio ซึ่งเป็นร้านที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน และร้าน La Table de la Ferme ที่ Domaine de Murtoli ใน Sartene
สถานประกอบการที่ได้รับคัดเลือกและจัดอันดับในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศฝรั่งเศส ประจำปีพ.ศ. 2561 ประกอบด้วยโรงแรมและที่พักจำนวน 4,300 แห่ง และร้านอาหารจำนวน 2,800 แห่ง ในจำนวนนี้มีร้านอาหาร 621 แห่งได้รับรางวัลดาวมิชลิน โดยประกอบด้วย
- ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลิน ทั้งหมด 28 แห่ง โดยในจำนวนนี้ 2 แห่งเป็นร้านอาหารใหม่
- ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน ทั้งหมด 85 แห่ง โดยในจำนวนนี้ 5 แห่งเป็นร้านอาหารใหม่
- ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน ทั้งหมด 508 แห่ง โดยในจำนวนนี้ 50 แห่งเป็นร้านอาหารใหม่
คลิกที่นี่เพื่อดูการรายชื่อร้านอาหารและที่พักที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด
