ซีรีส์ล้อเลียนชีวิตออฟฟิศหลายเรื่องใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเจอ ทุกคนต้องเคยประสบเรื่องแปลก ๆ หรือขบขันระหว่างการทำงาน หลายครั้งก็เป็นวินาทีแสนกระอักกระอ่วน เมื่อนำไปเล่าระหว่างกินข้าวหลังเลิกงาน เรื่องเหล่านั้นช่วยสร้างเสียงหัวเราะคลายเครียด แต่ถ้างานของเราคือการกินล่ะ? ผู้ตรวจสอบมิชลินจะมาเล่าถึงเหตุการณ์สุดงงงวยระหว่างการทำงานที่ทำให้พวกเขาต้องถามตัวเองว่า “นี่ฉันทำอะไรอยู่” ให้อ่านกัน
“มีอยู่วันหนึ่งระบบจองของทางร้านแจ้งไปว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของฉัน ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจว่าทำไมมีคนมาพูดอวยพรบ่อย ๆ แต่ตอนเสิร์ฟของหวาน ทางร้านปักเทียนมาให้ด้วย 1 เล่ม แล้วร้านนั้นเป็นร้านที่เล็กมาก แขกทุกโต๊ะพร้อมใจหันมามองแล้วยกแก้วเชียร์อวยพร รู้สึกอายมากเลยที่ทุกคนคิดว่าฉันมากินเทสติงเมนูฉลองวันเกิดคนเดียว ว่าแล้วก็อยากมุดดินหนีเลย”
“ตอนเริ่มงานใหม่ ๆ ก็เพิ่งรู้ว่า ‘มิชลิน ไกด์’ ให้ประเมินเฉพาะคุณภาพอาหารเท่านั้น ตอนนั่งกินข้าวที่ร้านรางวัลสามดาวมิชลินแห่งหนึ่ง พนักงานทำแชมเปญเต็มแก้วตกใส่ตัก เขาสบถ ตั้งแก้วที่ตกขึ้น แล้วก็แค่นำผ้าเช็ดปากผืนใหม่มาให้ แต่ไม่มีใครมาเติมเครื่องดื่ม เปลี่ยนแก้ว หรือแม้แต่ขอโทษที่คนกินต้องทนนั่งกินอาหารในกางเกงแฉะ ๆ อีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่สุดท้ายแล้วเอาจริง ๆ เราก็ยังทึ่งกับฝีมือเชฟอยู่ดี”
“คอร์สแรกเปิดมาพร้อมกับแมลงสาบที่วิ่งข้ามโต๊ะไปเลย พนักงานหน้าร้านไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แล้วตอบว่าน้องคงวิ่งเข้ามาตอนที่ฉันเปิดประตูร้านแหละ พอขอยกเลิกคอร์สที่เหลือ พนักงานคนนั้นก็ยืนยันว่าต้องจ่ายราคาเต็ม แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือเพราะเราต้องไปสนามบินต่อเลย จำได้ว่านั่งทนขยะแขยงตัวเองโดยไม่มีที่อาบน้ำอยู่นานมาก”
“ช่วงที่ร้านเริ่มกลับมาเปิดหลังโควิด บางร้านคิดว่าการเอาหุ่นมาตั้งจะทำให้ดูไม่โล่งจนเกินไป เพราะตอนนั้นยังรับคนได้จำกัด ฟังดูแล้วสร้างสรรค์เนอะ แต่ร้านที่ไปดันจัดให้ฉันซึ่งมาคนเดียวนั่งโต๊ะสำหรับสี่คน โต๊ะนั้นมีหุ่นนั่งอยู่ 2 ตัว คือฉันไม่ได้รู้สึกแปลกกับการมีหุ่นในร้าน แต่การให้นั่งโต๊ะใหญ่ขนาดนั้นพร้อมหุ่นอีก 2 ตัวมันรู้สึกเหมือนตัวตลกยังไงไม่รู้ ด้วยความที่เป็นคนที่สั่งอาหารเยอะอยู่แล้ว พอพนักงานพยายามแนะอย่างอ้อม ๆ ว่าสั่งเยอะเกินไปหรือเปล่า ฉันเลยชี้ไปที่เพื่อนหุ่นทั้งสองแล้วตอบว่า ‘กินกันตั้ง 3 คนเลยนะ’ แต่ไม่มีใครขำกับเราเลย”
“ระหว่างทางไปร้านซึ่งอยู่นอกเมืองไกลมาก เราต้องขับผ่านถนนบนเขาที่ลมพัดแรงตลอดเวลา พอขับไปได้สักประมาณ 2.5 กม. ก็พบว่าถนนปิดซ่อมเพราะหินถล่ม แล้วทางก็ไม่กว้างพอที่จะกลับรถทรงวากอนที่ขับไป เลยตัดสินใจขับถอยหลังมาทั้งทาง คือปกติจะส่งรายชื่อเมืองกับโรงแรมที่ต้องไปทำงานให้กับคนที่บ้าน เผื่อวันไหนหายตัวไป เขาจะได้ตามหาถูก แต่ดันลืมใส่เมืองที่วันนั้นไปลงไป ตลอดทางที่ขับถอยหลังกลับมา ในหัวนี่คือคิดไปแล้วว่ารี่ฉันต้องตายอย่างโดดเดี่ยว หาศพไม่เจอแน่เลย พอกลับมาได้แล้วไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง เพื่อนบอกว่า ถ้าเป็นเขานะ จะทิ้งรถไว้ตรงนั้นแหละ แล้วให้บริษัทรถเช่าช่วยไปลากกลับแทน”
ภาพเปิด: Cathy Mayer / @cthartica
ภาพประกอบ: Cathy Mayer / @cthartica
https://www.cathymayer.com/