ด้วยร้านอาหารที่ได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลินมีถึง 28 แห่ง ใน “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศฝรั่งเศส ประจำปีพ.ศ. 2561 ทำให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินมากที่สุดในโลก
หลังจากผู้เข้าร่วมงานได้ลุกขึ้นปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแก่เชฟ Paul Bocuse ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาแห่งอาหารฝรั่งเศส” ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็เป็นการประกาศรางวัล 3 ดาวมิชลินให้แก่ร้าน La Maison des Bois เมือง Manigod บนเทือกเขา Alps ของเชฟ Marc Veyrat ร้านอาหารดังกล่าวได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลินเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านของเชฟ Marc ได้รับรางวัลดาวมิชลิน โดยรางวัล 3 ดาวมิชลินในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากร้านดังกล่าวถูกไฟไหม้เมื่อ 3 ปีก่อนด้วย
มิชลินไกด์ ประเทศฝรั่งเศส เล่มล่าสุดนี้มีร้านอาหารใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกอีก 57 แห่ง จากเดิมในปีพ.ศ. 2560 มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินทั้งหมด 616 แห่ง โดยในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารที่ได้รางวัลดาวมิชลินจำนวน 621 แห่ง
นอกจากร้านอาหารที่ได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลินใน มิชลิน ไกด์ ประเทศฝรั่งเศส ประจำปีพ.ศ. 2561 แล้ว ยังมีเชฟชาวเอเชียที่สร้างความสนใจให้กับวงการอาหารฝรั่งเศสอีกด้วย ซึ่งเชฟเหล่านี้เป็นเชฟที่น่าจับตามองของ “มิชลิน ไกด์” ในปีนี้ มาดูกันว่าผู้ตรวจสอบมิชลินกล่าวถึงแต่ละร้านอย่างไรบ้าง
ร้านอาหาร Takao Takano ในเมืองลียง (รางวัล 2 ดาวมิชลิน) - อาหารฝรั่งเศสที่สอดแทรกกลิ่นอายญี่ปุ่นในใจกลางเมืองของ Paul Bocuse บิดาแห่งอาหารฝรั่งเศส
แม้จะเกิดและโตที่ญี่ปุ่น แต่เชฟ Takao Takano ก็ได้รับความชื่นชมจากชาวลียงด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่อการทำอาหารฝรั่งเศสและความหลงใหลที่มีต่อเมืองลียง ซึ่งถือเป็นบ้านหลังใหม่ของเขา เชฟ Takao ได้ฝึกฝนการสร้างสรรค์อาหารกับเชฟดาวรุ่งของเมืองลียง Nicolas Le Bec ซึ่งร้านอาหารที่ตั้งตามชื่อของเขาได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน โดยหลังจากที่ เชฟ Nicolas ย้ายไปเซี่ยงไฮ้ เชฟ Takao ก็ขึ้นมาเป็นดาวรุ่งของเมืองลียง
อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยของเชฟ Takao ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างสวยงามทำให้ร้านของเขากลายเป็นร้านที่จองได้ยากที่สุดร้านหนึ่ง ผู้ที่มีโอกาสลิ้มลองอาหารของเขาต่างหลงรักในความแม่นยำ การเลือกใช้วัตถุดิบ การให้ความสำคัญกับรสชาติอาหารแต่ละจาน และความพิถีพิถันในการรังสรรค์อาหาร
ร้านอาหาร Au 14 février ในเมือง St-Amour Bellevue (รางวัล 2 ดาวมิชลิน): ความรักของชายชาวญี่ปุ่นมีต่อประเทศฝรั่งเศส
เชฟชาวญี่ปุ่น Masafumi Hamano ฝึกฝีมือการทำอาหารกับเชฟ Hiroyuki Sakai หนึ่งในเชฟกระทะเหล็กประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาถึง 9 ปี เมื่ออายุ 29 ปี เชฟ Hamano ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เขาจึงย้ายมาที่เมืองลียง และได้ศึกษาการทำอาหารกับเชฟ Nicolas Le Bec เช่นเดียวกับเชฟ Takao Takano (ดูด้านบน) ก่อนที่จะมาดูแลร้าน Au 14 février ในเมืองเล็ก ๆ อย่าง Saint-Valentin เชฟ Hamano ได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลินครั้งแรกในปีพ.ศ. 2555 และเมื่อเขาเข้ามาดูแลสาขาที่สองของร้าน Au 14 février ในเมือง St-Amour Bellevue ได้เพียง 4 เดือน ร้านดังกล่าวก็ได้รับรางวัลดาวมิชลิน ในปัจจุบัน เชฟ Hamano นำเสนอผลงานชิ้นเอกของเขาผ่านเมนูที่ผสมผสานความเป็นฝรั่งเศสและญี่ปุ่น และผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกมิติ ผู้ที่ได้สัมผัสจะรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ของเชฟมีต่อวัตถุดิบ พร้อมกับความสร้างสรรค์ที่นำไปสู่ความแตกต่าง
ร้านอาหาร L’Essentiel ในเมือง Deauville (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) – อาหารร่วมสมัยจากคู่ขวัญฝรั่งเศสและเกาหลีที่ทุกคนในนอร์ม็องดีกล่าวถึง
เชฟคู่ขวัญชาวฝรั่งเศสและเกาหลี Charles และ Mi-Ra Thuillant เรียนรู้การทำอาหารจากเชฟอาหารฝรั่งเศสชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชฟ William Ledeuil, เชฟ Joël Robuchon, และเชฟ Iñaki Aizipitarte ภายในห้องที่ตกแต่งแบบร่วมสมัยนี้ คุณจะได้สัมผัสกับความอร่อยที่ผสมผสานกลิ่นอายตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัวจากเมนูอาหารซึ่งทั้งคู่ร่วมกันรังสรรค์ขึ้นอย่างสวยงาม
Pertinence ในกรุงปารีส (รางวัล 1 ดาวมิชลิน): เรื่องราวอันงดงามของเส้นทางสู่ดาวมิชลินดวงแรกของสองเชฟชาวเอเชีย
แม้จะเปิดร้านได้เพียง 7 เดือน ร้านของเชฟชาวญี่ปุ่น Ryunosuke Naito (ผู้ผ่านการฝึกฝนจากร้านอาหารชื่อดังมากมายในปารีส ไม่ว่าจะเป็นร้าน Taillevent หรือร้าน Meurice) และเชฟชาวมาเลเซีย Kwen Liew (เชฟผู้จบการศึกษาหลักสูตร Baking & Pastry มาโดยตรง แต่ปัจจุปันเขากลายเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการประกอบอาหาร) ก็ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินด้วยสไตล์การรังสรรค์อาหารฝรั่งเศสในแบบฉบับของตนเอง เชฟ Ryu ตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่มาบรรจงสร้างอาหารฝรั่งเศสที่ทุกคนคุ้นเคย โดยเพิ่มความทันสมัยให้กับอาหารเหล่านั้นด้วย
ร้านอาหาร Montée ในกรุงปารีส (รางวัล 1 ดาวมิชลิน): ความรักที่เชฟชาวญี่ปุ่นมีต่ออาหารฝรั่งเศส
หลังจากร่วมงานกับร้านอาหารหลายแห่งในเมืองโกเบและโอซาก้า เชฟ Takayuki Nameura ย้ายมาอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในปีพ.ศ. 2542 เพื่อสั่งสมประสบการณ์ด้านการทำอาหาร ในปีพ.ศ. 2549 เชฟ Takayuki เปิดร้านอาหารของตัวเองชื่อ Montée ในเมืองโกเบ ก่อนจะย้ายร้านมาที่ปารีสในปีพ.ศ. 2559 เชฟ Takayuki แสดงให้เห็นถึงความรักที่เขามีต่ออาหารฝรั่งเศสผ่านเมนูที่สีสันตระการตาและบรรจงสร้างเพื่อให้ผู้ทานได้รับรู้ถึงรสชาติอันโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นการแสดงเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสที่ทุกคนให้การยอมรับ การตกแต่งที่เรียบง่ายของร้าน Montée ยังช่วยเติมเต็มประสบการณ์การรับประทานอาหารให้กับคุณอีกด้วย
ร้านอาหาร Étude ในกรุงปารีส (รางวัล 1 ดาวมิชลิน): ความสร้างสรรค์อันเกิดจากความกลมกลืน
เชฟชาวญี่ปุ่น Keisuke Yamagishi ผู้หลงใหลในความหลากหลายของอาหารฝรั่งเศสตั้งแต่วัยเด็ก เขาเปิดร้านอาหารของตนเองในปีพ.ศ. 2556 หลังจากฝึกฝนการทำอาหารกับเชฟฝีมือดีมากมายทั้งในโตเกียวและปารีส ด้วยแรงบันดาลใจจากการพบปะกับเกษตรกรรายย่อยและวัตถุดิบจากแดนไกล ไม่ว่าจะเป็น พริกไทยจากไต้หวันที่ให้กลิ่นแนวซิตรัส หรือเครื่องเทศจากอิหร่าน เชฟ Keisuke สร้างสรรค์เมนูที่นำทั้งความเป็นฝรั่งเศสและญี่ปุ่นมารวมกันอย่างลงตัว เมนูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น "Symphonie", "Ballade", หรือ "Prélude" ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่โชแปง ผู้ประพันธ์บทเพลงและทำนองที่กลมกลืนอย่างไพเราะ
ร้านอาหาร Ken Kawasaki ในกรุงปารีส (รางวัล1 ดาวมิชลิน) – การเฉลิมฉลองการผสมผสานระหว่างอาหารฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
เชฟ Ken Kawaski จากฮิโรชิมาได้สร้างทีมฝีมือเยี่ยมที่สามารถรังสรรค์เมนูต้องตาต้องใจ และมีรสชาติไม่ธรรมดาจากวัตถุดิบสดใหม่ อาหารของเขาได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารแบบไคเซกิ (Kaiseki) ของญี่ปุ่น ทีมเชฟจะยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้สีอ่อน คุณสามารถดูพวกเขารังสรรค์อาหารแต่ละจานได้สด ๆ พร้อมกับซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมไปในขณะเดียวกัน
