สิ่งที่น่าสนใจ 2 minutes 26 มกราคม 2018

เชฟทั้ง 4 จากร้านอาหารระดับมิชลิน ในคู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ

พบกับเชฟอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ที่จะมาแบ่งปันมุมมอง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Dining Scene ในกรุงเทพฯ หลังจากการเปิดตัวของ มิชลิน ไกด์ ที่ผ่านมา

กรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญในเอเชียที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องวัฒนธรรมอาหาร เช่นเดียวกับ สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และญี่ปุ่น เมืองหลวงของประเทศไทยแห่งนี้มีอาหารอร่อยนำเสนอให้เลือกสรรในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ ร้านอาหารริมทาง ไปจนถึงภัตตาคารอาหารชั้นเลิศจากสุดยอดฝีมือเชฟคนไทยและเชฟชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง

เชฟ David Thompson จากร้านอาหาร Nahm บอกกับเราว่า “กรุงเทพฯ ในเวลานี้เปรียบเสมือนหม้อซุปที่กำลังเดือดพล่านร้อนแรงแต่ภายในมีซุปรสชาติกลมกล่อม เพราะเชฟชาวไทยที่นี่มีประสบการณ์ทำอาหารมาแล้วทั่วโลก และยังมีเชฟชาวต่างชาติมากมายที่อยากย้ายมาปักหลักทำอาหารที่กรุงเทพฯ ซึ่งนั่นเป็นพลังและสัญญาณที่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน”

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา คู่มือ มิชลิน ไกด์ เข้ามาเพิ่มเสน่ห์และสีสันให้กรุงเทพฯ ด้วยชื่อเสียงของคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักอันทรงเกียรติสีแดงเล่มนี้ทำให้อาหารไทยเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก ก่อนหน้านี้หลายคนต่างเฝ้ารอกันว่าร้านอาหารใดจะเป็นร้านที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในคู่มือฉบับนี้

เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เจ้าของร้านอาหารชื่อดังอย่าง ร้าน Le Du (ฤดู) และร้านบ้าน กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นมากกับการเปิดตัวของ มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ ‘ มิชลิน ไกด์’ กลายเป็น topic ที่เหล่าเชฟต่างพูดถึง บ้างก็เห็นด้วย บ้างก็ไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนก็ดูตื่นเต้นไปกับมัน บางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากได้ดาวมิชลิน แต่ลึกๆ แล้วผมเชื่อว่าใครๆ ก็อยากได้ดาวมิชลินกันทั้งนั้น” 

<i>Longtime friends: Chef David Thompson from Nahm (left) and Gaggan Anand </i>
Longtime friends: Chef David Thompson from Nahm (left) and Gaggan Anand
Gaggan-Anand-Michelin.jpg

“เชฟและร้านอาหารเปรียบเสมือนวีรบุรุษผู้แต่งบทเพลงที่ไม่มีผู้ใดเคยได้ฟัง จนกระทั่งมิชลินเข้ามาส่องแสงประกายให้กับเรา”

"Michelin will bring to light all these heroes of unsung songs, unsung music—chefs and restaurants who were not noticed will suddenly come into the light.”

- Chef Gaggan Anand from Two Michelin Star Restaurant Gaggan

ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลก็ไม่ใช่ร้านอื่นไกลที่ไหน อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีการจัดอันดับร้านอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียโดย San Pellegrino ที่ทำให้ร้านเหล่านี้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ อย่าง ร้านอาหาร Nahm, Gaggan, Suhring, และ Le Du (ฤดู)

เชฟ Mathias Suhring ผู้ก่อตั้งร้านอาหาร Suhring ร่วมกับเชฟฝาแฝด Thomas Suhring กล่าวว่า "ที่ผ่านมามีการจัดอันดับให้กับร้านอาหารมากมาย ต่างจากสมัย 10 ปีก่อนที่พวกเราเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ ซึ่งรางวัลเหล่านี้เปิดโอกาสให้ร้านอาหารได้เติบโตไปพร้อมกับกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันที่ทำให้แต่ละร้านมุ่งมั่นแข่งขันกันพัฒนาร้านของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป ในทุกๆ ปี” 

<i>Restaurant Suhring  founders - the Suhring twins (Mathias and Thomas) </i>
Restaurant Suhring founders - the Suhring twins (Mathias and Thomas)

สำหรับ เชฟ Gaggan เจ้าของร้านอาหารที่ตั้งชื่อตามชื่อตัวเอง เขาเชื่อว่าผู้ตรวจสอบมิชลิน กับคณะผู้จัดทำ มิชลิน ไกด์ น่าจะเป็นฝ่ายที่ต้องกังวลมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก “ผมคงรู้สึกประหม่าถ้าผมยังอายุน้อยกว่านี้ มีไฟแรงมากกว่านี้ และเพิ่งมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง ผมเลยคิดว่าคนที่ต้องกังวลน่าจะเป็นทาง มิชลิน ไกด์ มากกว่า หากพวกเขาจัดอันดับร้านอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ต้องเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่เชฟหลายท่านต่างคาดหวัง คือ พวกเขาอยากให้ผู้ตรวจสอบมิชลินคัดเลือกร้านอาหารด้วยใจเป็นกลาง และเปิดรับวัฒนธรรมเอเชียอย่างแท้จริง

“ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1900 มิชลิน ไกด์ เป็นคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักที่น่าเชื่อถือสำหรับนักเดินทาง เราหวังว่า มิชลิน ไกด์ จะมองหาร้านอาหารที่มอบประสบการณ์อันหลากหลายทางด้านอาหาร ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งของกรุงเทพฯ” สองเชฟคู่แฝด Suhring กล่าว

มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจุดประกาย Fine Dinning ในกรุงเทพฯ ที่กำลังเติบโตให้เฉิดฉาย เชฟต้น บอกกับเราว่า “ ตอนนี้ผู้คนต่างให้ความสนใจกับ Fine Dining กันมากขึ้น ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น แต่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เริ่มมองหาร้านอาหารชั้นเลิศในกรุงเทพฯ นอกเหนือจากร้านอาหารริมทาง ลูกค้าจะรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อผมชิงบอกพวกเขาก่อนว่าทางร้านมีปลาสดจากชาวประมงส่งตรงจากทะเล ก่อนที่พวกเค้าจะถามผมว่า ‘ทางร้านมีปลาแซลมอนรึเปล่า’ หลังจากนี้ผมคิดว่าเชฟจะหันมาเปิดร้านอาหารของตนเองมากขึ้น เพราะรางวัลจากมิชลิน ไกด์ จะมอบโอกาสที่สูงขึ้นให้กับพวกเขา”

เชฟ Gaggan สรุปให้เราฟังอย่างสั้นๆ แต่ได้ใจความ “เชฟและร้านอาหารเปรียบเสมือนวีรบุรุษผู้แต่งบทเพลงที่ไม่มีผู้ใดเคยได้ฟัง จนกระทั่งมิชลินเข้ามาส่องแสงประกายให้กับเรา” 

สิ่งที่น่าสนใจ

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ