สิ่งที่น่าสนใจ 3 minutes 11 กันยายน 2018

ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ ‘แตร์รัวร์’ ที่ทำให้รสชาติของไวน์มีฟองเลิศล้ำ

แชมเปญก็เหมือนกับไวน์ชนิดอื่นๆ ที่มีความผูกพันเกี่ยวข้องกับคำว่า ‘แตร์รัวร์’ (Terroir) หรือ ‘แตร์ฮวา’ อย่างลึกซึ้ง หลายคนอาจเข้าใจว่า แตร์รัวร์ คือข้อความบนฉลากหลังขวดไวน์ที่ใช้อวดอ้างสรรพคุณหรือชื่อชั้นของไวน์จากแหล่งเพราะปลูกองุ่นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ทว่าแตร์รัวร์เป็นผลรวมของทุกๆ อย่างตั้งแต่ก้อนหิน ดินทราย ดวงอาทิตย์ ลม ฝน ที่ถูกบรรจุและอัดแน่นอยู่ในไวน์และแชมเปญหนึ่งขวด

ปัจจัยที่ทำให้แชมเปญมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ‘เหนือ’ กว่าไวน์ชนิดอื่นๆ คือที่ตั้งของแคว้นชองปาญซึ่งมีความโดดเด่นและพิเศษเป็นที่สุด เพราะตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของฝรั่งเศสไปทางทิศตะวันออกของกรุงปารีส อันเป็นเขตเพาะปลูกองุ่นที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีปยุโรป เนื่องจากสูงถัดขึ้นไปจากนี้คือประเทศเบลเยี่ยมซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวสาลีเพื่อผลิตเบียร์มิใช่ไวน์! สิ่งพิเศษในลำดับต่อมาคือ ‘ดิน’ เนื่องด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นชองปาญมีหินชอล์กบริสุทธิ์อยู่ใต้พื้นดิน ซึ่งหินชอร์กหรือหินปูนสีขาวสว่างเจิดจ้านี้เกิดจากการสะสมตัวของโครงกระดูกสัตว์ทะเลขนาดเล็กมากจำนวนนับล้านๆ ชิ้นจากมหาสมุทรในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อันเป็นปัจจัยเกื้อหนุนและเป็นบ่อเกิดแห่งความกลมกล่อมในรสชาติอันหอมหวานให้กับแชมเปญจากแคว้นชองปาญ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่อยู่บนหน้าดินชั้นบนสุดยังมีแร่ธาตุอยู่ข้างใต้ช่วยเสริมให้แชมเปญมีรสชาติพิเศษเลิศล้ำ

หินชอร์กอันอุดมสมบูรณ์คือพรที่พระเจ้าได้สรรค์สร้างเป็นของขวัญให้กับแคว้นชองปาญ มีความสามารถดูดซับน้ำในช่วงฤดูหนาวแล้วปล่อยออกมาในช่วงฤดูร้อน ขณะเดียวกันจะดูดความร้อนในฤดูหนาวเอาไว้แล้วถ่ายออกมาในฤดูหนาว ทว่านอกจากดินแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมในการเพาะปลูกองุ่น นั่นคือภูมิอากาศ ซึ่งสภาพอากาศโดยรวมของแคว้นชองปาญในฤดูหนาวจะหนาวจัด ส่วนฤดูร้อนมีแสงแดดแจ่มใส อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 11 – 12 องศาเซลเซียส (52 - 53.5 องศาฟาเรนไฮต์) รวมไปถึงสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างไปตามธรรมชาติของภูเขา หุบเขา และน้ำ

ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ Microclimate หรือรูปแบบของฝน ปริมาณน้ำฝน ลม ความชื้น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแตกต่างไม่เหมือนกันในแต่ละปี ทั้งหมดล้วนส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิต ปริมาณองุ่นที่เก็บเกี่ยวได้ จนเป็นที่มาของรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแชมเปญในแต่ละปีวินเทจ

สำหรับแตร์รัวร์ของแคว้นชองปาญนั้น พื้นที่สำหรับปลูกองุ่นที่จะมาทำแชมเปญถูกกำหนดไว้ทั้งหมด 5 เขต ซึ่งมีรสชาติและสัมผัสเฉพาะตัวดังต่อไปนี้

  1. Aube (อูเบ) ตั้งอยู่ทางตอนล่างของแคว้น พื้นที่ส่วนใหญ่จะปลูกองุ่นดำพันธุ์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) ดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียว องุ่นที่ได้จากพื้นที่นี้จะมีกลิ่นหอม ทว่ามีแอซิดิตี้ต่ำกว่าจากทางพื้นที่ตอนบน รสชาตินุ่ม แน่น ดื่มง่าย
  2. Côte des Blancs (โกต์ เดส์ บลองส์) ตั้งอยู่บนพื้นที่ภูเขาหินชอล์กสีขาว องุ่นที่ปลูกในพื้นที่นี้จะเป็นองุ่นชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) หินปูนทำให้ได้ไวน์ที่มีแอซิดิตี้สูงรสชาติกลมกล่อม เหมาะแก่การผลิตแชมเปญเป็นอย่างมาก
  3. Côte de Sézanne (โกต์ เดอ เซซานน์) พื้นที่เขตนี้มีลักษณะดินผสมกันระหว่างหินปูนกับดินเหนียว องุ่นที่ปลูกในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ทว่าไวน์ที่ได้จากพื้นที่นี้จะมีแอซิดิตี้น้อยกว่าเขต Côte des Blancs
  4. Montagne de Reims (มองตาง์ เดอ ฆามส์) เป็นเขตพื้นที่สำคัญที่สุดของแคว้น เพราะในพื้นที่นี้มีไร่ที่ได้รับ Grand Cru อยู่ถึง 8 ไร่ องุ่นในพื้นที่ส่วนใหญ่คือพันธุ์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) แต่ก็มีปลูกทั้งชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) และปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) ทำให้ได้แชมเปญที่มีความเข้มข้น กลมกล่อม และมีความหนักแน่น ที่เรียกว่า tête de cuvée หรือ prestige cuvée โดยแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ดีและปีวินเทจที่ดีจะมีการบ่มยาวนานกว่าแชมเปญโดยปกติ และส่วนใหญ่ก็จะใช้องุ่นจากพื้นที่นี้
  5. Vallée de la Marne (วัลเลย์ เดอ ลา มาฮ์น) เป็นพื้นที่ทางตอนกลางที่ทอดตัวจากฝั่งซ้ายไปขวาของแคว้น องุ่นที่ปลูกในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่คือปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่ความฟรุตตี้และรสชาติอันหอมหวาน

ไวน์เมกเกอร์เป็นผู้มีหน้าที่ในการคัดสรรและผสมผสานองุ่นทั้ง 3 สายพันธุ์ คือ Chardonnay ที่ให้ความสดชื่น Pinot Meunier ให้รสและกลิ่นของผลไม้ และ Pinot Noir ที่ให้บอดี้และโครงสร้างของไวน์ เพื่อรังสรรค์แชมเปญชั้นเลิศจากแตร์รัวร์ที่ต่างกันจากทั้ง 5 เขต

สำหรับ Perrier-Jouët (แปร์ริเอ-ฌูเอต) หนึ่งในแชมเปญเฮาส์ที่เก่าแก่ของโลกที่อยู่ในเมืองเอแปร์เนย์ (Épernay) มีพื้นที่ปลูกองุ่น 65 เฮกเตอร์ในแคว้นชอมปาญ ในจำนวนนี้ประมาณ 99.2% เป็นพื้นที่ในเขตกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) ถึง 5 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในแตร์รัวร์ 3 เขตคือ Côte des Blancs (โกต์ ดีส์ บลองส์) Montagne de Reims (มองตาง์ เดอ ฆามส์) และ Vallée de la Marne (วัลเลย์ เดอ ลา มาฮ์น) เรียงตัวกันประดุจสามเหลี่ยมมหัศจรรย์แห่งการผลิตแชมเปญ โดยในจำนวนนี้มีพื้นที่ประมาณ 160 เอเคอร์ เป็นพื้นที่ในเขตกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) 2 แห่งคือ Cramant และ Avize ในแตร์รัวร์โกต์ ดีส์ บลองส์ ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่สำคัญ ณ กึ่งกลางของพื้นที่ลาดชันทางทิศใต้-ตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตที่ให้ผลผลิตองุ่นพันธุ์ชาร์โดห์เนย์ชั้นยอดที่มีให้กลิ่นอโรมาหอมๆ ของดอกไม้สีขาวจนเป็นเอกลักษณ์เด่นของแชมเปญเฮาส์แห่งนี้

ส่วนผลผลิตองุ่นดำพันธุ์ปิโนต์ นัวร์จาก Mailly ซึ่งเป็นเขตกรองด์ ครูสในแตร์รัวร์มองตาง์ เดอ ฆามส์ ให้ความสดชื่นและละเอียดอ่อนกว่าปิโนต์ นัวจากพื้นที่อื่นๆ ส่วนปิโนต์ นัวร์ที่ได้จาก Aÿ ในแตร์รัววัลเลย์ เดอ ลา มาฮ์น กลับให้กลิ่นพิเศษหอมผลไม้สดชื่นซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของปิโนต์ มูนิเยร์ ปิโนต์ นัวร์จากทั้งสองเขตส่งเสริมให้เกิดโครงสร้างอันงดงามแด่ชาร์โดห์เนย์ที่ได้จากโกต์ ดีส์ บลองส์ทว่ายังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตนอยู่ ในขณะที่ผลผลิตปิโนต์ มูนิเยร์ จาก Dizy premier cru ในแตร์รัววัลเลย์ เดอ ลา มาฮ์น นั้นช่วยเพิ่มกลิ่มหอมสไตล์ฟรุ๊ตตี้ ความกลมกล่อม และความละมุนไมให้กับส่วนผสมแชมเปญของ Perrier-Jouët (แปร์ริเอ-ฌูเอต)

Terroir (แตร์รัวร์) จึงเป็นเสมือนปรัชญาที่แฝงภูมิปัญญาเฉพาะถิ่นอันเกิดจากประสบการณ์ของมนุษย์ที่สั่งสมกันมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น อันมี 4 องค์ประกอบหลักๆ คือ Climate หรือภูมิอากาศ, Soil หรือดิน, Terrance หรือสภาพภูมิประเทศ และ Tradition หรือวัฒนธรรมการเพาะปลูกองุ่นในท้องถิ่น ไวน์และแชมเปญจึงเป็นผลผลิตที่ต้องขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศได้มาจากท้องฟ้า....ผืนดิน...และมนุษย์

บทความนี้สนับสนุนโดย Perrier-Jouët
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Perrier-Jouët ได้ที่ https://www.perrier-jouet.com/

สิ่งที่น่าสนใจ

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ