ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงประกาศว่าสยามจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างเป็นทางการกับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งถือเป็นการประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการี โดยการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมสู้รบ และได้มีการสร้างวงเวียน 22 กรกฎาคมขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความสำเร็จจากการร่วมทำสงครามในครั้งนั้น
ทุกวันนี้ ย่านวงเวียน 22 กรกฎาคมยังคงเรียงรายไปด้วยตึกแถวสองชั้นสไตล์จีน ที่กลมกลืนไปกับถนนเพื่อนบ้านอย่างถนนเยาวราชได้เป็นอย่างดี วงเวียนแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพงโดยใช้เวลาเดินเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในละแวกที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่วงเวียน 22 กลับเป็นที่รู้จักกันเพียงในกลุ่มคนหมู่น้อยเท่านั้น เหตุก็เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางถนนที่ยังไม่พัฒนามากนัก อย่างไรก็ตามเจ้าของบาร์ค็อกเทลสุดฮิปหลายเจ้าก็ยังคงหาโอกาสเข้ามาเปิดตัวกันอยู่เรื่อยๆ แถมมีร้านอาหารเด็ดๆ อีกมากมายที่เหล่านักชิมรุ่นเก๋าถึงกับต้องยกนิ้วให้ แบบนี้จะให้เราปิดเงียบไว้แต่กับคนวงในก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
103 Bed and Brews เป็นโรงแรม 6 ห้องแนวบูติคที่มีชั้นล่างเป็นคาเฟ่สุดเจ๋ง การตกแต่งของร้านมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยภาพวาดแนว abstract รูปโดนัทสีสันสดใส และโซฟาที่เหมือนกับหลุดมาจากแมนชั่นในเซี่ยงไฮ้อย่างไงอย่างงั้น จุดขายของคาเฟ่นี้ คือกาแฟโคลด์บริวและเบียร์ไทยแท้ ลองนึกภาพกาแฟไนโตรใส่ส้มจี๊ดและโทนิกดูสิ นั่นล่ะเมนูแหวกแนวที่คาเฟ่นี้มี แวะเติมคาเฟอีนก่อนได้ที่นี่ก่อนออกไปตระเวนจัดหนักให้พุงกาง
103 Bed and Brews
103 ถนนพระราม 4, รองเมือง, ปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร 10330
https://www.facebook.com/103BKK/
ตั้งบักเส็ง ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแสนเรียบง่ายที่เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้านี้ บริหารโดยสาวสามพี่น้องผู้วุ่นวายกับการเร่งเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาหลากเส้นให้กับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่หญิงไฮโซสวมเครื่องเพชร ไปจนถึงพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่มาแวะพักทานลูกชิ้นปลานุ่มหนึบชื่อดัง ควรรีบมาเร็วๆ เพราะของเขาขายดีกันจนเหลือไม่ถึงเที่ยงวันด้วยซ้ำ
ร้านอาหารจีนเลี่ยวเลี่ยงเซ้งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยแห่งนี้ก่อตั้งในปี 1891 ด้วยการได้รับเงินพระราชทานจากสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัฒน์ โดยเจ้าของร้านผู้อพยพมาจากจีนผู้นี้ ได้สร้างชื่อให้ตัวเองจากการเสิร์ฟอาหารแบบเฉาโจว (แต้จิ๋ว) ที่จัดเตรียมอย่างพิถีพิถันในห้องครัวบ้านของเขาซึ่งห่างจากท่าเรือราชวงศ์ไปไม่ไกลนัก ปัจจุบันเลี่ยวเลี่ยงเซ้งตั้งอยู่ถ.พระราม4 มีหลานชายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าของร้านที่ยังคงตั้งมั่นรักษาคุณภาพให้สมกับที่ได้สร้างชื่อเอาไว้ โดยใช้เวลาไปกับการบดเนื้อและเลือกส่วนผสมต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรุงเมนูหม้อดินยอดฮิตของทางร้านให้ได้รสชาติดีที่สุด เพราะสำหรับที่นี้แล้ว คุณภาพต้องมาก่อนปริมาณเสมอ แต่เนื่องจากทั้งร้านมีเพียงพ่อที่เป็นเชฟกับลูกอายุ 14 ปีแค่สองคนเท่านั้น เลยอาจใช้เวลานานสักหน่อยกว่าอาหารจะพร้อมเสิร์ฟ ระหว่างรอลองสั่งไอศกรีมรสทุเรียนขึ้นชื่อมาลิ้มลอง เพราะนอกจากเมนูนี้จะเป็นของชอบของเหล่านักท่องเที่ยวที่เพิ่งเคยได้ลิ้มลองเป็นครั้งแรก และยังเป็นเมนูที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเช่นกัน
เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง
113 ถนนถนนพระราม 4 (อยู่ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อเฮ่งเจีย)
https://www.facebook.com/LLS1891/
ตกกลางคืนไปต่อกันที่ตึกแถวยาวสี่ร้อยเมตรในซอยนานาย่านเยาวราชที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแรง ส่วนที่เคยเป็นแหล่งของร้านขายสมุนไพรจีน บัดนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่จนกลายเป็นศูนย์รวมของเด็กฮิปและคนหัวศิลป์ประจำกรุงเทพฯ ไปแล้ว
หนึ่งในตึกแถวที่ไม่ได้ถูกบูรณะใหม่ ก็ถูกใช้จัดแสดงแกลอรี่ศิลป์ใต้ชื่อว่า Cho Why ซึ่งเปิดเฉพาะช่วงที่มีการจัดแสดงนิทรรศการเท่านั้น ผู้ที่ตั้งชื่อแกลอรี่ครบวงจรนี้ จงใจให้อ่านออกเสียงว่า “โชว์ห่วย” ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่าการแสดงยอดแย่ หากคุณได้ลองแวะไปเยี่ยมชมแกลอรี่แห่งนี้ตอนที่มีงานจัดแสดง คุณอาจได้ไปยืนคุยกับคนที่ติสท์ที่สุดในกรุงเทพฯ ก็เป็นได้
Cho Why
41 ซอยนานา, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, กรุงเทพมหานคร 10100
https://www.facebook.com/chowhybkk/
One Day Wallflowers เป็นร้านดอกไม้ที่เปลี่ยนโฉมมาเป็นคาเฟ่และบาร์อย่างเต็มรูปแบบ แต่ยังคงตกแต่งร้านด้วยดอกไม้แสนสวยนานาพันธุ์เพิ่มบรรยากาศในการจิบค็อกเทลบนชั้นดาดฟ้า คลอเคล้าด้วยเพลง
ดนตรีสดที่มีให้ฟังในทุกๆ วันเสาร์อีกด้วย สำหรับเหล่าคนรักดอกไม้ก็ไม่ต้องรู้สึกเสียดายไป เพราะร้านนี้ยังมีการจัดเวิร์คช็อปสอนทำช่อดอกไม้และการประดิษฐ์มงกุฎดอกไม้ให้ได้เรียนกันอยู่เสมอๆ
One Day Wallflowers
31-33 ซอยนานา, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, กรุงเทพมหานคร 10100
https://www.facebook.com/onedaywallflowers/
ภายในอาคารสีขาวแสนจะเรียบง่ายนี้ คุณจะได้พบกับบาร์ที่มัดใจสายค็อกเทลเมืองกรุงได้อย่างอยู่หมัด บริหารงานโดยเจ้าของคู่หูร้าน Teens of Thailand ในย่านเดียวกันนี่เอง ร้าน Asia Today
ที่เน้นขายค็อกเทลนี้ เป็นเหมือนกับส่วนผสมอย่างลงตัวของบาร์ท้องถิ่นและ Speakeasy บาร์สไตล์แมนฮัตตันสุดเย้ายวน พร้อมไปด้วยบาร์เทนเดอร์มาดหล่อสวมเสื้อกั๊กคอยบริการคุณอยู่หลังบาร์หินอ่อนหรูหรา และโปสเตอร์เรตเอ็กซ์ที่ติดอยู่บนผนังคู่กับไฟนีออน เหมือนคอยส่งสัญญาณบอกอยู่เนืองๆ ว่าร้านนี้เด็ดกว่าร้านฝั่งตรงข้ามของพวกเขาอีก สำหรับเครื่องดื่มทางร้านจะใช้ส่วนผสมจากเชียงรายที่คัดเลือกเองกับมือ แต่สำหรับเหล้ารัมยอดฮิตนั้นส่งตรงมาจากโรงกลั่นของอุดรธานี
Asia Today
35 ถนนไมตรีจิต, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, กรุงเทพมหานคร 10100
www.facebook.com/asiatodaybar
ถัดจากร้าน Teens of Thailand ก็ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวผัดเจ้าดังที่ไม่มีชื่อร้าน ไว้ให้คุณไปแวะทานเป็นกับแกล้มได้ ที่นี่คุณจะพบกับหนุ่มสาวสายปาร์ตี้ที่เลือกมาเติมแรงจากการแดนซ์กระจาย ด้วย “ราดหน้า” และ “ผัดซีอิ๊ว” เพื่อจะได้ไปลุยกันต่อกับค่ำคืนสนุกสุดเวี่ยง หรือบางคนก็มานั่งพักให้สร่างจากฤทธิ์เหล้าที่เพิ่งจัดเต็มไปไม่นาน
เคล็ดลับจากเซียน: อย่าดื่มเพลินจนไปไม่ทันของหมดล่ะ
อีกตัวเลือกนึงสำหรับอาหารมื้อดึกก็คือ ร้านก๋วยจั้บเจ๊โหง่ววงเวียน 22 ทีเด็ดของร้านอยู่ที่เส้นก๋วยจั้บและน้ำซุปกลมกล่อมร้อนๆ ที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกร้านคือ เอี่ยมโภชนา ร้านอาหารริมทางอีกร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องเกาเหลาเนื้อวัวหม้อไฟแสนอร่อย
ก๋วยจั้บเจ๊โหง่ววงเวียน 22
497 ถนนไมตรีจิต, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, กรุงเทพมหานคร 10100
Tel: 081 443 8420
เอี่ยมโภชนา
215/2-3 ถนนยี่สิบสองกรกฎาคม 1, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, กรุงเทพมหานคร 10100
Tel: 0846421161, 022250582
ยิ่งปีหน้าที่มีแผนจะเปิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินใกล้วงเวียน 22 แล้วด้วย ไม่ต้องคิดเลยว่าย่านนี้จะคึกคักแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นบาร์อาร์ตๆ หรือคาเฟ่แนวย้อนยุคเจ้าใหม่ที่จะมาเปิดตัวก็ดี เราได้แต่หวังว่าก๋วยเตี๋ยวข้างทางหรือเสน่ห์แบบเก่าๆ ของที่นี่จะยังคงอยู่ไม่จางหายไป
